Month: July 2017

  พ.ต.อ.เดชรพี คงดี ผู้กำกับการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จ.สมุทรสาคร ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์แรงงานต่างด้าวที่สมัครใจเดินทางกลับภูมิลำเนา เนื่องจากเกรงกลัวกับ พ.ร.ก.แรงงานต่างด้าวฉบับใหม่ ว่าตอนนี้มีแรงงานได้ขอเข้ามาเพื่อให้ทาง ตม.สมุทรสาครผลักดันกลับมีเป็นจำนวนมาก ซึ่งหากเทียบกับช่วงปกตินั้นถือว่าสูงขึ้น10เท่าตัว ในขณะนี้ได้ผลักดันกลับประเทศไปแล้วกว่า5พันคน และคาดว่าหลังจากนี้จะมีแรงงานต่างด้าวแจ้งความประสงค์จะเดินทางกลับอีกไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นคน โดยแรงงานต่างด้าวที่ต้องการกลับบ้านนั้น เป็นแรงงานที่ผิดกฎหมายที่เคยทำงานอยู่ในประเทศไทย ส่วนมากจะพบว่าเป็นกลุ่มคนงานก่อสร้าง ซึ่งการแจ้งความประสงค์นั้นมีทั้งที่เดินทางมามอบตัวด้วยตนเองกับอีกกลุ่มหนึ่งที่จะมีคนพามา ซึ่งแรงงานที่ประสงค์มอบตัวเพื่อให้ผลักดันกลับนั้น จะไม่มีการเอาผิดทางกฎหมายแต่อย่างใดถือเป็นข้อตกลงให้ละเว้นจากโทษ ส่วนการผลักดันกลับนั้นผู้ที่ประสงค์จะเดินทางกลับจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง

  นายสมพงค์ สระแก้ว ผู้อำนวยการมูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน หรือ LPN มองว่า ในขณะนี้ พ.ร.ก.แรงงานต่างด้าวฉบับใหม่ ได้ส่งผลกระทบอย่างเป็นวงกว้าง จากที่ได้มีการสอบถามและรับทราบข่าวสารจากที่ต่างๆพบว่าตอนนี้ไม่ใช่เพียง ลูกจ้างหรือนายจ้างเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ แต่เรื่องนี้มีผลไปถึงเศรษฐกิจฐานรากด้วย อย่างเช่นตามตลาดนัดที่ต่างๆก็ดูซบเซา เพราะว่าแรงงานต่างด้าวเกิดความกลัวไม่กล้าที่จะออกมาเดินตามที่สาธารณะทั่วไป ทำให้การซื้อขายเกิดการชะงัก ส่วนนายจ้างที่ยังมีการแรงงานงานที่ไม่ถูกต้องตอนนี้ก็ต้องเร่งจัดการซึ่งอาจทำให้สถานที่ที่ใช้ดำเนินการเนื่องแน่น จนส่งผลให้เกิดการล่าช้าได้ ส่วนเสียงสะท้อนที่ได้มาจากกลุ่มพี่น้องแรงงานข้ามชาตินั้น หลายคนบอกว่ารู้สึกกลัวกับบทลงโทษของ

  เมื่อเวลาประมาณ 09.00 น.ของวันที่ 4 กรกฎาคม 2560  ผจก.ฝ่ายประสานสิทธิโรงพยาบาลฯ นำหนังสือคำชี้แจงกรณีผู้ป่วยร้องเรียน การให้บริการของทางโรงพยาบาลฯ มามอบให้กับนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ที่สำนักงานกฎหมายษิทรา เบี้ยบังเกิด  โดยในการนี้ก็มีนางสาวกบ (นามสมมติ) อายุ  22

  นายกำจร มงคลตรีลักษณ์ นายกสมาคมการประมงสมุทรสาคร ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า หลังจากที่รัฐบาลมีการประชุมหารือกันแล้ว ว่าจะไม่มีการเปิดให้จดทะเบียนแรงงานต่างด้าวรอบใหม่นั้น ทางภาคประมง หรือชาวประมง นับเป็นอาชีพที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงที่สุด เนื่องจากไม่มีแรงงานต่างด้าวทำงานในเรือ เพราะจากมาตรการกฎเหล็กทั้งจาก พ.ร.ก.การประมงฉบับใหม่ ประกอบกับ พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานคนต่างด้าว พ.ศ.2560 ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 23 มิถุนายนเป็นต้นมานั้น ส่งผลทำให้ลูกเรือประมงที่เป็นแรงงานข้ามชาติ

  นางอำไพ หาญไกรวิไลย์ ประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรสาคร และในฐานะ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ไทยรอแยลฟรอเซนฟู๊ด จำกัด ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานคนต่างด้าว พ.ศ.2560 ว่า พ.ร.ก.ฉบับดังกล่าวนั้น ได้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการธุรกิจด้านอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารทะเล ซึ่งเป็นเศรษฐกิจที่สร้างรายได้อันดับหนึ่งของจังหวัดสมุทรสาคร เป็นอย่างมาก โดยบริษัทฯ ที่มีการประกอบการรายใหญ่ มีการบริหารงานอย่างเป็นระบบ

ที่โรงเรียนสมุทรสาครบูรณะ  ได้มีการจัดพิธีทอดผ้าป่าเพื่อการศึกษาโรงเรียนสมุทรสาครบูรณะ “ร่วมบุญเพื่อการศึกษา พัฒนาลูกหลาน ส.ค.ณ.”  โดยมี ดร.วิชาญ ศิริชัยเอกวัฒน์ ประธานคณะกรรมการสถานศึกษา เป็นประธานฝ่ายฆราวาส   และพระเทพสาครมุนี        เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์  พร้อมด้วย   นายสรรเสริญ ขวัญดี   ผู้อำนวยการโรงเรียน แขกผู้มีเกียรติ คณะอาจารย์ และนักเรียน   

ศูนย์บริการสาธารณสุขเจษฎาราม  เทศบาลนครสมุทรสาคร  ได้ร่วมกับ โรงพยาบาลสมุทรสาคร  ออกหน่วยให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ให้กับประชาชนที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ประกอบด้วย  ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป และกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 โรค  ได้แก่  โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง  ,  โรคหอบหืด โรคหัวใจ  ,  หลอดเลือดสมอง

นายอำพล  อังคภากรณ์กุล  รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการฝ่ายจัดทำดอกไม้จันทน์ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  โดยในส่วนของจังหวัดสมุทรสาครนั้นขณะนี้หน่วยงานต่างๆได้ร่วมกับประชาชนทั้ง 3 อำเภอ ในการทำดอกไม้จันทน์แล้วจำนวน 68,100 ดอก จากเป้าหมายคือจำนวน 202,800 ดอก ยังคงเหลืออีกจำนวนหนึ่งแสนกว่าดอก   ซึ่งตามกำหนดจะต้องให้เสร็จภายในเดือนสิงหาคมนี้โดยสามารถทำดอกไม้จันทน์ให้เกินจำนวนที่กำหนดไว้ได้   นอกจากนี้ในที่ประชุมรองผู้ว่าราชการจังหวัด ได้มอบหมายให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง

  นายปรีชา ศิริแสงอารัมพี ที่ปรึกษาหอการค้าจังหวัดสมุทรสาคร ในฐานะผู้ประกอบคนหนึ่งที่ใช้แรงงานต่างด้าวในกิจการ ได้แสดงทัศนะของตนเองเกี่ยวกับพระราชกำหนดแรงงานต่างด้าวฉบับใหม่ที่ออกมาบังคับใช้ว่า กฎหมายตัวนี้เป็นกฎหมายที่เข้มและเอาจริง ออกมาเพื่อให้นายจ้างได้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพราะถ้าทำผิดขึ้นมา พบความผิดแค่เพียงไม่กี่ราย ก็รับโทษอย่างหนัก ซึ่งกิจการของตนเองนั้นเข้มงวดกับเรื่องนี้มาโดยตลอด เพราะฝ่ายบุคคลจะต้องดูแลไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดหรือผิดต่อกฎหมาย ไม่อย่างนั้นก็จะเสียภาพลักษณ์ของกิจการด้วย แต่ในภาพรวมของกิจการต่างๆที่นายจ้างทำอยู่นั้น ก็ต้องยอมรับว่า ยังมีอีกไม่น้อยที่ใช้แรงงานต่างด้าวแบบไม่ถูกต้อง ตนเองคิดว่าถึงเวลาแล้วที่รัฐควรเอาจริงกับเรื่องนี้ เพราะจะเป็นการจัดระเบียบประเทศไทยให้เป็นระบบ ไม่ใช่จะปล่อยให้มีการใช้แรงงานกันแบบไม่ถูกต้องไปตลอด

  ช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วงที่ร้อนระอุสำหรับนายจ้างผู้ที่ใช้แรงงานต่างด้าว ที่ได้รับผลกระทบจากพระราชกำหนดแรงงานต่างด้าวฉบับใหม่ ที่มีโทษที่หนักกว่าฉบับเดิมหลายเท่า แม้ตอนนี้รัฐมีทีท่าว่าจะงัดเอา ม.44 ออกมาชะลอเพื่อให้นายจ้างได้ตั้งตัวทัน แต่ก็ถือว่านายจ้างนิ่งนอนใจไม่ได้ เนื่องจากขั้นตอนบางอย่างต้องใช้เวลากันนาน และยิ่งนายจ้างที่ใช้แรงงานหลายคนก็อาจต้องจัดการกับเอกสารเป็นจำนวนไม่น้อย ซึ่งจากการที่ได้สอบถามไปยังนายจ้างที่มาติดต่อที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดสมุทรสาครในวันนี้ บอกว่า พระราชกำหนดฉบับนี้ถือว่าค่อนข้างแรงทีเดียว หากไม่ให้เวลากับนายจ้างในการตั้งรับก็คงได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า ซึ่งก็มีหลายคนที่บอกกันว่า หากไม่ผิดจริงจะกลัวอะไรกับบทลงโทษ ในเรื่องนี้ทางนายจ้างอยากขอชี้แจงว่า ไม่ได้อยากทำผิดกฎหมาย แต่หากใครที่ไม่เคยใช้แรงงานต่างด้าวก็คงไม่รู้ปัญหาที่แท้จริง อย่างเช่นรัฐบาลก็คงไม่ทราบถึงปัญหาที่นายจ้างเผชิญอยู่

  จากที่นายกรัฐมนตรีได้ มีคำถาม 4 ข้อ เพื่อให้ประชาชนตอบและแสดงความคิดเห็นผ่านศูนย์ดำรงธรรมทุกจังหวัด โดยเริ่มดีเดย์ เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ที่ผ่านมา ซึ่งที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสมุทรสาคร ได้มีการจัดเอกสาร พร้อมกล่องรับแบบแสดงความคิดเห็นไว้ที่เคาเตอร์ พร้อมกับมีเจ้าหน้าที่คอยชี้แจงและอำนวยความสะดวก และจะมีการเก็บรวบรวมสรุปผลจำนวนในทุกๆ10 วัน ซึ่งในช่วง 10 วันแรกของการทำการนั้น

  นายสมชาย อัครธรรมกุล จัดหางานจังหวัดสมุทรสาคร ชี้แจงว่า ตอนนี้ยังไม่มีคำสั่งการใช้ มาตรา 44 ออกมาชะลอการบังคับใช้พระราชกำหนดแรงงานต่างด้าวฉบับใหม่ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม หากมีประการบังคับใช้ ก็จะมีผลย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่พระราชกำหนดได้ออกมานั่นคือวันที่ 23 มิถุนายน ที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงนี้สิ่งที่จะทำได้คือการเร่งประชาสัมพันธ์ให้นายจ้างได้ทราบและเร่งดำเนินการให้ถูกต้อง จะเห็นได้ว่าช่วงนี้ที่สำนักงานจัดหางานจะเนืองแน่นไปด้วยผู้มาติดต่อ เพื่อเตรียมรับกับการบังคับใช้พระราชกำหนดอย่างจริงจังที่จะมีโทษสูงมาก จึงอยากให้นายจ้างทุกรายที่ใช้แรงงานต่างด้าวรีบมาดำเนินการ ทั้งเรื่องการขอโควตา