หนุ่มไทยพีบีเอส ขับรถยนต์เสียหลักชนท้ายรถพ่วงติดภายใน

เมื่อเวลา 23.00 น.ของวันที่ 4 มีนาคม 2561 ร.ต.อ.นิมิต หนูแก้ว รองสารวัตรสอบสวน สภ.บางโทรัด อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถยนต์เก๋งพุ่งชนท้ายรถบรรทุกพ่วงขนาดใหญ่ 22 ล้อ บน ถ.พระราม 2 ขาเข้ากรุงเทพฯ หลักกิโลเมตรที่ 49+600 ต.นาโคก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร และมีผู้ติดภายใน จึงได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่มูลนิธิการกุศลสมุทรสาครให้นำเครื่องตัดถ่างเข้าช่วย พร้อมรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยพบรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า แอ็คคอร์ด สีเทาดำ หมายเลขทะเบียน กข 5060 สมุทรสงคราม จอดอยู่ช่องทางตรงกลางของถนน สภาพหน้ารถพังยับเยิน และมีคนขับติดอยู่ภายในไม่สามารถออกมาได้ เนื่องจากขาถูกอัดก๊อบปี้ติดกับด้านล่างใต้พวงมาลัยรถ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ฯ ก็ได้ใช้เครื่องตัดถ่างเข้าให้การช่วยเหลือ โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที ก็สามารถนำผู้บาดเจ็บออกมาได้ ทราบชื่อต่อมาคือ นายชาลี คงเปี่ยม อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99/5 หมู่ที่ 5 ต.ลาดใหญ่ อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม เป็นพนักงานของบริษัทไทยพีบีเอส ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณขา จึงได้รีบนำตัวส่งเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร นอกจากนี้ห่างออกไปเล็กน้อยก็มีรถบรรทุกพ่วงขนาดใหญ่ 22 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุสีขาว ทะเบียนหัวรถ 70-4276 สุราษฎร์ธานี ทะเบียนส่วนพ่วง 70-2882 สุราษฎร์ธานี  ที่บรรทุกไม้ยางพารามาเต็มคันจอดอยู่ มีนายสุพิชย์ ลูกบัว อายุ 57 ปี คนขับรถบรรทุกพ่วง ยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

จากการสอบสวนเบื้องต้น นายสุพิชย์ฯ คนขับรถบรรทุกพ่วง 22 ล้อ ได้ให้การว่า ขณะที่ตนเองขับรถมาบนถ.พระราม 2 เพื่อจะนำไม้ยางพาราที่บรรทุกจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี ไปส่งที่จังหวัดสมุทรปราการนั้น เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุก็ปรากฏว่า รถยนต์เก๋งคันดังกล่าวที่ขับอยู่ในช่องกลาง เกิดเสียหลักพุ่งมาชนรถของตนที่ขับอยู่ช่องทางซ้ายสุด โดยชนเข้ากับล้อด้านท้ายรถ ทำให้รถยนต์เก๋งเสียหายพังยับเยินและมีผู้ได้รับบาดเจ็บติดภายในดังกล่าว

ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะต้องรอให้นายชาลี คงเปี่ยม คนขับรถยนต์เก๋งนั้น มีอาการดีขึ้นก่อน แล้วจะได้ทำการสอบปากคำผู้บาดเจ็บเพิ่มเติม เพื่อหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุต่อไป

สุเมธ /ภาพ/ข่าว