บิ๊กโจ๊ก นำทีม ศปอส.ตร.เปิดปฏิบัติการทลายแหล่งผลิตยาทรามาดอล

เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. ของวันที่ 17 สิงหาคม 2561 พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท.(รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว)ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดปฏิบัติการ “กวาดล้างยาทรามาดอลปลอม บ่อนทำลายเยาวชนของชาติ” เพื่อทลายขบวนการลักลอบขายยาทรามาดอลปลอมรายใหญ่ ในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล โดยได้ลงมาที่บริษัทไม่มีชื่อ ตั้งอยู่เลขที่ 44/16 หมู่ที่ 7 ต.สวนหลวง อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร หลังจากที่สืบทราบว่าเป็นแหล่งผลิตยาทรามาดอลโดยไม่ได้รับอนุญาตจาก อย. โดยตรวจสอบพบคนงานกำลังทำงานทั้งหมด 5 คน จึงได้ควบคุมตัวไว้สอบสวน นอกจากนี้ยังพบเครื่องจักรที่ใช้ในการบรรจุผงยาเคมี (ทรามาดอล) ลงในแคปซูล 1 เครื่อง และเครื่องขัดเงาคัดแยกฝุ่นผงออกจากเปลือกแคปซูลอีก 1 เครื่อง อีกทั้งยังมีอุปกรณ์ที่ใช้ในกระบวนการบรรจุยาทามาดอล ผงเคมีที่เชื่อได้ว่าน่าเป็นตัวยาสำหรับบรรจุในแคปซูล แผงยาที่บรรจุเสร็จแล้วพร้อมส่งขาย และ ยาแก้ไอ อีกจำนวนมาก

โดยทางด้าน พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. เปิดเผย ว่า การเข้าตรวจค้นจับกุมในครั้งนี้เป็นการจับกุมผู้ค้ารายใหญ่ในกระบวนการผลิตยาทรามาดอลแคปซูลเขียวเหลือง หรือ “ยาแท็กซี่ หรือ ยาเสียสาว” ให้กับเยาวชนนำไปใช้ในทางที่ผิดไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ทางชุดจับกุมจึงได้สืบสวนขยายผลในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล จำนวน 20 จุด โดยจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 14 ราย , 2.ตรวจยึดยาที่ถูกยกเลิกขึ้นทะเบียน จำนวน 313,770 เม็ด. สารตั้งต้นสามารถผลิตยาเขียวเหลืองได้ จำนวน 1,000,000 เม็ด แยกเป็น แป้งนม จำนวน  1,225 กิโลกรัม, แป้งข้าวโพดจำนวน  1,000 กิโลกรัม, แม็กนีเซี่ยม จำนวน 120 กิโลกรัม, เคมี จำนวน 60 กิโลกรัม,แคปซูล จำนวน 7 ลัง หรือประมาณ700,000 เม็ด,  เครื่องจักร  จำนวน 8 ตัว,ยาแก้ไอ ชนิดน้ำ จำนวน 418 ขวด , ยาแก้ไอ ชนิดเม็ด   จำนวน 720 เม็ด ,ยาโปรเมทาซีน จำนวน 50 ขวด ทั้งนี้ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. ยังได้ฝากไปยังผู้ปกครองทุกท่านให้ระมัดระวังและสังเกตบุตรหลานในการใช้ยาทรามาดอล เพราะเป็นยาที่ใช้ในผู้ที่มีความจำเป็นต้องใช้ตามคำสั่งของแพทย์ หากใช้เป็นเวลานานหรือนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ทำให้เกิดอันตรายได้ หากพบเห็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องดังกล่าว กับร้านที่กระทำความผิด รวมไปถึงผู้ที่ลักลอบจำหน่ายยาทรามาดอลทางออนไลน์ สามารถแจ้งเบาะแสกับทาง ศปอส.ตร. หรือ อย. ให้ทราบทันทีเพื่อดำเนินการขจัดปัญหาให้สิ้นไปจากสังคมไทย

ด้านนายประพนธ์ อางตระกูล ที่ปรึกษาสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า สำหรับการดำเนินคดีกับผู้ต้องหานั้น จากการตรวจพบในเบื้องต้นสามารถตั้งข้อกล่าวหาได้ว่า ข้อกล่าวหาที่ 1 ผลิต นำเข้า ขาย ยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 12 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท กับ ข้อกล่าวหาที่ 2 คือ ผลิต นำเข้า ขาย ยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา มาตรา 72(4) มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนเรื่องของการผลิตยาปลอมนั้น จะต้องทำการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยถ้าพบว่ามีการผลิตยาปลอมจริงก็จะต้องถูกตั้งข้อกล่าวหา ผลิตยาปลอม มาตรา 72(1) มีโทษจำคุก 3 ปี ถึงตลอดชีวิต และปรับ 10,000 – 50,000 บาท../

สุเมธ /ภาพ/ข่าว