คลื่นซัดคันดินพัง

AD-WEB-CCTV-6-12-61

footer_master

และนี่คือภาพความเสียหายจากผลกระทบของพายุโซนร้อนปาบึก ที่เกิดขึ้นกับเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์น้ำ ในพื้นที่หมู่ 7 ตำบลบ้านบ่อ ซึ่งเป็นพื้นที่เลี้ยงสัตว์น้ำที่อยู่ติดแนวชายฝั่งอ่าวไทย และอีกส่วนหนึ่งก็อยู่หลังแนวถนน แต่มีท่อรอดใต้ถนนทำทำให้ทุกบ่อเชื่อมโยงถึงกันได้หมด สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้เจ้าของบ่อบอกว่า ไม่เหลืออะไรเลย สัตว์น้ำที่ปล่อยไว้และกำลังขายได้ก็หายไปกับน้ำ เพราะเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ที่พายุปาบึกเคลื่อนตัวผ่านประเทศไทย ส่งผลให้เกิดคลื่นที่รุนแรงมาก พัดเข้าตามแนวชายฝั่ง ทำให้คันดินขอบบ่อแตก น้ำทะเลไหลทะลักเข้ามา และท่วมข้ามถนนข้ามไปอีกฝั่ง ทั้งกุ้งหอยปูปลา ก็หายไปกับน้ำ  โดยชาวบ้านคาดว่าพื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ได้รับความเสียหายรวมแล้วน่าจะประมาณ 200 ไร่ ซึ่งเป็นจำนวนเกษตรกรราว 20 ราย

เจ้าของบ่อปลารายหนึ่งเล่าว่า ปลากะพงที่ตนเองได้ลงเลี้ยงไว้และใกล้จะจับขายได้ก็หายไปกับน้ำหมด ซึ่งหากรอบนี้ขายได้ก็น่าจะได้ประมาณ 4ถึง 5หมื่นบาท แต่เงินที่จะได้ก็ต้องสูญไปเพราะภัยธรรมชาติครั้งนี้ ซึ่งความสูญเสียนี้ก็ไม่ต่างจากเกษตรกรรายอื่นๆ เพราะทุกบ่อก็มีสัตว์น้ำที่เลี้ยงไว้รอขายด้วยกันทั้งนั้น สำหรับภัยธรรมชาติครั้งนี้ เขาบอกว่ารุนแรงมากที่สุด ก่อนหน้านั้นเคยเจอพายุลินดา พายุเก ก็ไม่หนักเท่านี้ แต่ครั้งนี้ทำให้ขันดินรอบบ่อพังอย่างที่เห็น  และตั้งแต่วันนั้นจนมาถึงวันนี้ก็ยังไม่มีหน่วยงานใดลงไปสำรวจข้อมูลความเสียหายที่เกิดขึ้น

สิ่งหนึ่งที่ชาวบ้านได้สะท้อนขึ้นมา ก็คือเรื่องของไม้ไผ่ชะลอคลื่น ที่ชาวบ้านรู้สึกว่าทำแล้วไม่คุ้มค่ากับงบประมาณที่ทำ เหมือนทำแล้วสูญเปล่า เพราะไม้ไผ่อยู่ได้ไม่กี่ปีก็พัง เมื่อมีคลื่นลมแรงแบบนี้ก็เอาไม่อยู่ กลับกลายเป็นขยะทะเลที่ซัดเข้ามากองเกลื่อนอยู่ตามแนวชายฝั่งมากกว่า หากจะให้ทนก็อยากให้ทำเป็นแนวเขื่อนหิน เมื่อได้งบมาก็เติมให้สูงขึ้น ก็น่าจะดีกว่า เพราะไม่พัง และต้านคลื่นแรงลมได้ดี

ส่วนเรื่องความเสียหายในครั้งนี้ ทางกลุ่มเกษตรกรก็อยากให้ทางหน่วยงานภาครัฐเข้าไปดูแลด้วย ซึ่งตอนนี้ก็ได้เตรียมเก็บภาพต่างๆเพื่อเป็นข้อมูลเรื่องความเสียหายเอาไว้แล้ว

 

footer_master footer_master footer_master footer_master

   เอเซีย/ ภาพ  พรเพ็ญ / ข่าว