ครั้งหนึ่งเคยต่อ วันนี้ต้องรื้อ
ด้วยขาลงของการประมง ที่บีบรัดชาวประมงให้หายใจแทบไม่ออก ด้วยกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ จนในที่สุดมีเรือจำนวนราว 140 ลำของสมุทรสาคร ที่ต้องถูกจองจำอยู่กับที่ เพราะไม่มีใบอนุญาตทำประมงพาณิชย์ และรัฐบาลก็ไม่เปิดช่องให้ทำ อาจมองว่า เรือมันเยอะเกินปริมาณสัตว์น้ำ ลำไหนผิดก็ตัดทิ้งเลยดีกว่า
ตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา เรือเริ่มจอดนิ่งจนวันนี้ รัฐบาลยอมซื้อคืน เพื่อเยียวยาเจ้าของเรือ แต่มีข้อแม้ว่า.. ต้องทำลายทิ้งให้สิ้นสภาพ… เพราะรัฐบาลก็ไม่รู้จะเอาเรือไปทำอะไร หากไม่สั่งรื้อ ก็กลัวเรือประมงกลับไปหากินอีก จะทำปะการังเทียม รัฐบาลก็บอกว่า… เรือเตรียมทิ้งมันเกินความต้องการแล้ว รื้อแหละง่ายสุด
วันนี้เรือประมงถูกรื้อไปราว 4 ลำแล้วในสมุทรสาคร และเตรียมจ่อคิวรออีก เพราะถ้าไม่รื้อ จะไม่มีหลักฐานไปรับเงินเยียวยาส่วนที่เหลืออีก 70% จากที่จ่ายมาก่อน 30 เพื่อให้รื้อด้วย รื้อแล้วไม้ที่มีจะเอาไปทำอะไรก็แล้วแต่ รัฐบาลไม่เอา
” มันคนละฟิลล์กันนะ ตอนต่อ มันง่ายนะ มันมีความสุข ได้ช่วยกันทำตามความถนัด กว่าจะต่อเสร็จ นานหลายเดือน พอเห็นเรือที่เราต่อกำลังจะโลดแล่นออกไปหาปลา มันก็สุขใจดีนะ ” (ช่างบัว – ช่างพล)
ช่างบัว ช่างพล ยังบอกอีกว่า จำไม่ได้ และไม่รู้ว่าต่อไปกี่ลำแล้ว เรือที่กำลังลงมือแยกชิ้นส่วนอยู่นี่ จะเป็นเรือจากฝีมือตัวเองรึเปล่าก็จำไม่ได้เหมือนกัน จากวันที่เคยต่อมาถึงวันที่ต้องมารื้อ ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะมีวันนี้ได้ เสียดาย… แต่ก็พอรู้บ้างแล้วว่าวันหนึ่ง ต้องมาทำอะไรแบบนี้ มีสัญญาณมาได้สัก 10 ปีแล้ว ที่ไม่เคยได้ต่อเรือเลย.. เห็นภาพชิ้นส่วนเรือที่ถูกกองทิ้งแบบไม่มีค่าแบบนี้ ก็อดคิดถึงวันที่มีคนมาจ้างต่อเรือไม่ได้ คุณค่ามันต่างกันเยอะ… ถ้าเลือกได้ อยากได้ต่อเรืออีก แม้เวลาในการทำมันจะนานกว่ารื้อทิ้ง แต่จุดจบความสำเร็จของงานมันต่างกัน..