ข่าวท้องถิ่น

  ตามที่พระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 มีผลบังคับใช้ เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน และก่อนที่จะมีการใช้มาตรา 44 ออกมาชะลอ ก็ทำให้มีแรงงานต่างด้าวจำนวนมากเดินทางกลับประเทศ โดยแรงงานต่างด้าวอาจยังไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายอย่างครบถ้วน เช่น ค่าจ้าง ค่าล่วงเวลาของการทำงานงวดสุดท้าย หรือค่าชดเชยถ้ามี เป็นต้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการร้องเรียนสิทธิของแรงงานต่างด้าวในภายหลัง สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดสมุทรสาคร จึงแจ้งเตือนให้นายจ้างดำเนินการจ่ายเงินตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานให้แก่แรงงานต่างด้าวอย่างครบถ้วน

อีกสิ่งหนึ่งที่มองดูว่าอาจได้รับผลกระทบตามกันไปจากพระราชกำหนดแรงงานต่างด้าวฉบับใหม่ก็คือเรื่องการศึกษาของเด็กข้ามชาติ เพราะตอนนี้ก็มีแรงงานข้ามชาติทยอยกลับบ้านไปกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งก็ไม่ทราบว่ากลุ่มแรงงานเหล่านั้นจะมีลูกหรือผู้ติดตามที่ต้องเอากลับไปด้วยหรือไม่  วันนี้ผู้สื่อข่าวมหาชัยเคเบิลทีวี ก็ได้เดินทางไปที่ศูนย์พัฒนาภูมิปัญญามอญ วัดโคก ที่ตั้งอยู่บนลานกว้างฝั่งตรงข้ามวัดโคก ก็ได้พบกับครูรอมยอม ครูชาวมอญ และครูอาสาที่เป็นคนในพื้นที่ วันนี้พวกเขาเล่าให้ฟังว่า ตอนนี้นักเรียนของที่นี่ยังอยู่กันครบ เพราะส่วนใหญ่พ่อแม่ของพวกเขาจะเป็นแรงงานที่ถูกต้องทำงานในบริษัทที่ได้มาตรฐาน จึงไม่ได้รับผลกระทบจากพระราชกำหนดแรงงานต่างด้าวที่ประกาศออกมา แต่อย่างไรช่วงนี้ก็กำลังมีการสำรวจและสอบถามเรื่องนี้กับเด็กเช่นเดียวกัน ครูรอมยอมและครูอาสา ให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับพระราชกำหนดที่ออกมานี้ให้ฟังว่า ค่อนข้างที่จะเป็นเรื่องที่ดูรุนแรงพอสมควรกับแรงงานต่างด้าวที่ทำงานอยู่ในเมืองไทย แต่คิดว่า ในสมุทรสาครคงได้รับผลกระทบไม่มากเหมือนกับจังหวัดที่อยู่ตามแนวชายแดน

  กรมเจ้าท่า ร่วมประชุมกับชาวประมงจังหวัดสมุทรสาคร เกี่ยวกับการขุกลอกปากแม่น้ำท่าจีน เนื่องจากมีการแจ้งเรื่องจากชาวประมงเข้าไปว่า ปากแม่น้ำท่าจีนบางช่วงมีความตื้นเขินมาก เมื่อระดับน้ำลงต่ำสุด เรือจะแล่นผ่านไม่ได้ จึงอยากให้มีการขุดลอกเพิ่มความลึก  ซึ่งจุดที่พบว่าตื้นเขินคือบริเวณปากแม่น้ำที่ถัดจากฝั่งไปประมาณ 3-4 กิโลเมตร เป็นจุดที่ตะกอนดินจะทับถมกันหนา มีการขุดลอกอยู่หลายครั้งแต่ก็กลับมาตื้นเขินเร็ว ซึ่งความลึกที่เรือจะแล่นผ่านไปได้จะต้องมีความลึกประมาณ 5 เมตรจากระดับน้ำลงต่ำสุด แต่ตอนนี้มีความลึกแค่ 3 เมตรจากระดับน้ำลงต่ำสุด

  เมื่อเวลาประมาณ 09.30 น. ของวันที่ 6 กรกฎาคม 2560 นางจินดา สมพงษ์ อายุ 63 ปี  ซึ่งเป็นย่าของนายที (นามสมมติ) อายุ 17 ปี นักเรียนชั้นม.3/11 ของโรงเรียนแห่งหนึ่งในใจกลางเมืองสมุทรสาคร

ที่ลานสาครบุรี ศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร  นายกองเอก ประภัสสร์ มาลากาญจน์ ผู้บังคับการกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดสมุทรสาคร  เป็นประธานมอบนโยบายปฏิบัติราชการแก่สมาชิกกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ และสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดสมุทรสาคร  จำนวน 4 กองร้อย  จำนวนทั้งสิ้น 71 นาย เข้าร่วมพิธี ด้านผู้บังคับการกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดสมุทรสาคร ได้มอบนโยบายขอให้สมาชิก อส.ทุกนาย

ศูนย์บริการสาธารณสุขท่าฉลอม   เทศบาลนครสมุทรสาคร    ร่วมกับ โรงพยาบาลสมุทรสาคร  ออกหน่วยให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลให้กับประชาชนจำนวน 2 กลุ่มเสี่ยง ประกอบด้วย  ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป   และกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 โรค  ได้แก่  โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง  ,  โรคหอบหืด โรคหัวใจ  ,  

    นี่เป็นภาพบรรยากาศในช่วงเย็นของทุกวันที่ ตม.สมุทรสาคร ซึ่งจะมีแรงงานต่างด้าวมารอเพื่อที่จะขึ้นรถเดินทางกลับภูมิลำเนา จะเห็นได้ว่าแต่ละคนจะมีสัมภาระที่เอากลับไปด้วยเป็นจำนวนมาก ก่อนที่จะเดินทางกลับนั้นก็จะมีการตรวจของทุกอย่างให้เรียบร้อย ป้องกันการซุกซ่อนของต้องห้าม ของผิดกฎหมาย โดยแรงงานกลุ่มที่จะเดินทางกลับนี้ มีทั้งแรงงานที่ถือบัตรสีชมพูที่เหลืออายุการทำงานเพียงไม่กี่เดือนก็ตัดสินใจเดินทางกลับเพื่อไปทำวีซ่าอย่างถูกต้อง และมีอีกกลุ่มหนึ่งที่ยอมรับว่าตนเองเป็นแรงงานผิดกฎหมาย ไม่มีบัตรใดๆเลยและลักลอบทำงานในสมุทรสาครมานาน แต่เมื่อได้ทราบข่าวเกี่ยวกับ พ.ร.ก.แรงงานต่างด้าวฉบับใหม่ก็เลยตัดสินใจกลับบ้าน  และนายจ้างก็ขอให้กลับด้วยเพื่อที่จะได้ไปทำเรื่องให้ถูกต้อง การเดินทางกลับประเทศของแรงงานต่างด้าว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองบอกว่า ช่วงแรกๆที่มีข่าวการประกาศบังคับใช้ พ.ร.ก.แรงงานต่างด้าวฉบับใหม่ช่วงนั้น

    5  กรกฎาคม 2560 ถือเป็นวันครบรอบ 12 ปีที่ คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้เด็กต่างด้าวที่อยู่ในประเทศไทยได้มีโอกาสเข้ารับการศึกษาในระบบและมีสิทธิเทียบเท่ากับเด็กไทยทุกประการ  ซึ่งทางนายสมพงค์ สระแก้ว ผู้อำนวยการมูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน หรือ LPN เล่าว่า ในช่วงที่เริ่มประกาศใช้ คือในปี 2548 จนถึงปี 2560

  ผู้สื่อข่าวมหาชัยเคเบิลทีวี ได้รับการแจ้งเรื่องมาว่าพบชายคนหนึ่งอยู่ตัวคนเดียวตามลำพัง  เจ็บป่วยไม่สามารถทำมาหากินได้ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือ ซึ่งผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่เพื่อตามหาชายคนดังกล่าวตามที่ได้แจ้งมา คือ ชายคนนี้จะอยู่ในซอยคลองครุ ตรงวินมอเตอร์ไซด์ ปากซอยคลองครุ-ศรีเมือง 10 ชายคนนี้ชื่อว่า นายเฉลิม ผากา เป็นชาวมุกดาหาร อำเภอนิคมคำสร้อย ที่ได้เดินทางมาทำงานในสมุทรสาครตั้งแต่หนุ่มๆ โดยรับจ้างเป็นคนแบกข้าวสาร แต่ต่อมาเมื่อนายจ้างเลิกกิจการก็ต้องเลิกอาชีพ หันมาเก็บของเก่าขาย

  ใกล้ถึงช่วงเข้าพรรษากันแล้ว หลายที่ก็จะมีการนำเครื่องสังฆทาน ของไทยธรรม ของทำบุญมาวางจำหน่าย โดยเฉพาะชุดสังฆทาน เทียนพรรษา หลอดไฟ ก็จะมีการจำหน่ายมากขึ้น และเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 5 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จากสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสมุทรสาครได้ลงพื้นที่ตามห้างสรรพสินค้าและร้านขายของสังฆภัณฑ์ เพื่อตรวจสอบราคาและการจัดชุดสังฆทานจำหน่าย โดยตามร้านทั่วไปที่เป็นการจัดชุดสังฆทานเอง ไม่พบปัญหาแต่อย่างใด ของที่บรรจุได้คุณภาพ ราคาเหมาะสม ของทุกอย่าง

ที่โรงเรียนเทศบาลบ้านมหาชัย (อนุกูลราษฎร์) นายประภัสสร์  มาลากาญจน์  ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วย นายเทพประสิทธิ์ วงษ์ท่าเรือ รองผู้ว่าราชการจังหวัด  และหัวหน้าส่วนราชการ  ได้เข้าร่วมโครงการพบผู้ว่าฯหน้าเสาธง  โดยมีอาจารย์ และนักเรียนโรงเรียนเทศบาลบ้านมหาชัย เข้าแถวร้องเพลงชาติหน้าเสาธง สวดมนต์          

  เมื่อเวลา 09.00น. ของวันที่ 5 กรกฎาคม 2560 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับนายมานะ นิ่มเนียม อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1/6 หมู่ที่ 5 ตำบลนาดี อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร อดีตตำรวจอาสาประจำหน่วยบริการประชาชนตำบลนาดีอำเภอเมืองสมุทรสาคร