โอละพ่อสาวขับรถตกร่องน้ำโทษมูลนิธิ
จากกรณีที่หญิงสาวรายหนึ่งได้ใช้เฟซบุ๊กโพสต์ภาพตัวเองนอนอยู่บนเตียงคนไข้ แล้วก็เขียนข้อความทำนองต่อว่าเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ว่าขับเบียดรถตนจนรถตกคลอง ทำให้ได้รับบาดเจ็บต้องเข้าโรงพยาบาล และก็มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมากในทำนองเห็นใจหญิงสาว และต่อว่ามูลนิธิฯ ซึ่งก็สร้างความเสียหายให้แก่กู้ภัยมูลนิธิการกุศลสมุทรสาคร ซึ่งเป็นผู้ที่ถูกพาดพิงนั้น
ขณะเดียวกันทางมูลนิธิฯ คู่กรณีก็ได้มีการแชร์โพสต์ที่ถูกต่อว่า พร้อมกับตอบโต้ว่า มี รปภ.เห็นเหตุการณ์ ยืนยันว่าไม่ได้เบียดจนทำให้รถตกคลอง นอกจากนี้ยังมีชาวเน็ตย้อนโพสต์ก่อนหน้าของหญิงสาว พบเจ้าตัวโพสต์ภาพกำลังถือขวดเบียร์บนรถลักษณะคล้ายกำลังดื่ม ซึ่งเรื่องนี้ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่พูดคุยกับ นายชาญชัย แสงแจ้ เจ้าหน้าที่มูลนิธิการกุศลสมุทรสาคร และได้เล่าเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุให้ฟังว่า หลังจากได้รับแจ้งจาก สภ.เมืองสมุทรสาคร และ 1669 แจ้งเหตุ มีรถยนต์ตกข้างทาง หงายท้อง มีคนติดอยู่ในรถด้วย จึงรีบรุดไปยังที่เกิดเหตุ ซึ่งรถของมูลนิธิ กับ รถของ รพ.เจษฎาเวชการ ไปถึงพร้อมกัน โดยที่เกิดเหตุพบรถเก๋งหงายท้องอยู่ จึงได้ช่วยกันนำตัวผู้ประสบภัยออกมา ซึ่งไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก และได้สอบถามพูดคุยจะนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่ผู้ประสบเหตุไม่ประสงค์เข้ารับการรักษาตัว อีกทั้งยังไม่ให้ความร่วมมือในการปฐมพยาบาลอีกด้วย เนื่องจากบาดเจ็บไม่มากนัก ทั้งยังคุยวีดีโอคอลตลอดเวลา ทางทีมกู้ภัยจึงยกเลิกภารกิจ พร้อมกับเดินทางกลับ
ซึ่งพอหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว พวกตนก็ไม่คิดว่าทางผู้ประสบเหตุจะไปโพสต์แบบนั้น เพราะสิ่งที่โพสต์กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ตรงกัน จึงได้มีการแชร์โพสต์ออกไป เพื่อต้องการให้ผู้หญิงคนดังกล่าวมาขอโทษและลบโพสต์ทิ้งไป แต่สาวเจ้าปัญหาก็ยังโทษมูลนิธิอยู่ฯ
ด้าน รปภ.ของบริษัทแห่งหนึ่งที่อยู่บริเวณที่เกิดเหตุ และเห็นเหตุการณ์ยืนยันว่าสิ่งที่หญิงสาวโพสต์ในโลกโซเชียลนั้นบิดเบือนจากความเป็นจริง โดยเล่าว่า ในเวลาดังกล่าวนั้น ตนพร้อมด้วยหัวหน้างานรวม 3 คน ได้ออกมาตรวจความเรียบร้อยตามจุดต่างๆ ด้านหน้าโรงงาน ซึ่งขณะที่กำลังตรวจความเรียบร้อยนั้น ก็เห็นรถยนต์เก๋งสีขาวขับมาคันเดียวในลักษณะส่ายไปส่ายมา โดยไม่มีรถคันอื่นๆ ขับตามมา หรือแซงขึ้นไป จากนั้นคาดว่าน่าจะเสียหลักไปชนกับถุงทรายที่วางอยู่ข้างทาง แล้วรถก็หมุนหลายตลบก่อนตกลงไปในร่องน้ำกลางถนน ลักษณะหงายท้อง ตนกับพวกจึงได้รีบเข้าไปจะช่วย พอมองเข้าไปเห็นคนขับยังอยู่ในสภาพปกติ กำลังเล่นโทรศัพท์ พอเปิดประตูรถฝั่งคนขับก็ได้กลิ่นแอลกอฮอล์อย่างแรง แล้วหญิงสาวคนนั้นยังถามด้วยว่า มาทำอะไรกัน ตัวเขาไม่เป็นอะไร ทำคางมาเจ็บกว่านี้อีก ซึ่งพวกตนก็ไม่รู้จะทำอะไรไปได้มากกว่านี้ ไม่กล้าเข้าใกล้ด้วยซ้ำไป เพราะกลัวทรัพย์สินมีค่าของหญิงสาวจะสูญหาย จนกระทั่งตำรวจสายตรวจ และมูลนิธิมาถึงก็ช่วยพาหญิงสาวออกมา ซึ่งเธอก็ยังถามพวกเจ้าหน้าที่เหมือนเดิมว่า มาทำอะไรกัน และไม่ต้องการที่จะไปโรงพยาบาลฯ ทุกคนจึงแยกย้ายกันไป
ทั้งนี้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการที่จะติดตามหาความเป็นจริงว่า การที่หญิงสาวคนดังกล่าวให้ข้อมูลโดยบิดเบือนจากความเป็นจริงจนก่อให้เกิดความเสียหายต่อกู้ภัยมูลนิธิการกุศลสมุทรสาครนั้น มีเจตนาอะไรกันแน่ แต่เพื่อความสงบสุขของทุกฝ่าย สังคมก็ควรที่จะยุติการแสดงความคิดเห็นกันก่อน เพื่อรอดูข้อเท็จจริงจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้น
สุเมธ/ภาพ/ข่าว