หนุ่มโชคร้าย

AD-WEB-NET-แก้ไข-14-6-60-7

 

ส.เบญจเพส

เมื่อเวลา 08.30 น. ของวันที่ 1 สิงหาคม 2560 นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทนายประชาชน ได้พาผู้สื่อข่าวไปที่บ้านเลขที่ 118/9 หมู่ที่ 12 ต.สวนหลวง อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร เพื่อพบกับนายอภิรมย์ แก่นสาร อายุ 25 ปี หนุ่มผู้โชคร้ายที่ประสบอุบัติเหตุ จนต้องถูกตัดขาทิ้งเพราะเพียงแค่ไม่มีเงินจำนวน 1 แสนบาท มาจ่ายให้แพทย์ทันทีในคืนที่เข้ารับการรักษาตัวกับโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง

โดยทางด้านนายอภิรมย์   แก่นสาร  บอกว่าตนเองมีอาชีพเป็นพนักงานของสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ตำแหน่ง  Electrical Support Officer เงินเดือนๆ ละ 20,000 บาท ทำมาได้เกือบ 1 ปีแล้ว ซึ่งทุกวันตนจะขับรถจักรยานยนต์ไปกลับระหว่างบ้านกับที่ทำงาน โดยเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2560 ที่ผ่านมา ตนเข้างานตอนกลางคืน ซึ่งวันนั้นเป็นวันที่มีฝนตกลงมากอย่างหนัก ตนก็รอจนกระทั่งฝนหยุดตกจึงได้ขับรถจักรยานยนต์ออกมาจากบ้าน พอมาถึงบริเวณถนนบรมราชชนนี ปากทางเข้าถนนพุทธมณฑลสาย 2 รถจักรยานยนต์ก็ล้มลงเพราะความลื่น โดยไม่มีคู่กรณี ซึ่งตนจำได้เพียงแค่ว่า ตอนนั้นเมื่อรถล้มแล้วรู้สึกเจ็บที่ขาขวามาก และสักพักหนึ่งก็มีมูลนิธิฯ มาช่วยก่อนนำส่งโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง พอมาอยู่ที่โรงพยาบาลฯ แล้ว ขณะนอนรอดูอาการ ตนก็ยังพอรู้ตัวว่า มีหมอมาตรวจ และทางครอบครัวทั้งพ่อ แม่และภรรยา ก็มาดูอาการด้วย ซึ่งตอนนั้นตนได้ยินแม่ถามหมอว่า ลูกชายเป็นอย่างไรบ้าง และได้ยินหมอคนหนึ่งพูดว่า กระดูกขาหัก 3 ท่อน แม่มีเงิน 1 แสนบาทมั้ย ถ้ามีก็จะผ่าตัดให้เลย ทั้งนี้แม่ของตนก็บอกหมอว่า ให้ช่วยผ่าตัดให้ก่อนแล้วเช้าจะเอาเงินมาให้ เพราะต้องไปขอยืมญาติมาจ่าย พอหลังจากที่สิ้นคำพูดของแม่แล้ว ตนก็ไม่ได้ยินอะไรอีกเลย รู้ตัวแค่ว่าถูกนำเข้าห้องไอ.ซี.ยู มารู้ตัวอีกครั้งก็ถูกย้ายมาอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งที่สองแล้ว คือ โรงพยาบาลมหาชัย 2 ซึ่งเป็นโรงพยาบาลตามสิทธิประกันสังคม และแพทย์แจ้งว่าต้องตัดขาข้างขวาตั้งแต่หัวเข่าลงไปทิ้ง เนื่องจากเส้นเลือดขาดและเซลล์ตายแล้ว ไม่สามารถต่อให้ได้ เพราะมาถึงมือหมอช้าเกินไป หากปล่อยทิ้งไว้อาจจะทำให้ติดเชื้อในกระแสเลือด จนอาจทำให้เสียชีวิตลงได้ ทำให้ทางครอบครัวของตนต้องตัดใจยอมให้หมอตัดขาตนเองทิ้ง และนอนพักรักษาตัวอยู่กว่าครึ่งเดือน ได้ออกจากโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งตนนั้นทั้งรู้สึกเสียใจที่ต้องสูญเสียขาจนกลายเป็นคนพิการ เพราะตนเองนั้นก็เป็นเสาหลักของครอบครัว ส่วนอีกด้านหนึ่งก็เสียความรู้สึกต่อแพทย์ของโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกเป็นอย่างมาก ว่าทำไมถึงไม่รักษาให้ตนเองก่อนแล้วเช้าค่อยให้ที่บ้านนำเงินมาจ่ายให้ หรือเมื่อรับตัวคนไข้เข้ามาแล้ว ก็จะต้องมีการตรวจเช็คประกันสังคม เมื่อพบว่าตนเองมีสิทธิประกันสังคมอยู่ที่โรงพยาบาลมหาชัย 2 ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลแห่งแรกมากนัก ทำไมไม่รีบส่งตัวไปยังโรงพยาบาลตามสิทธิของตน เพราะหากส่งตัวไปได้เร็ว ก็จะทำให้สามารถต่อเส้นเลือดที่ขาได้อย่างทันท่วงทีและตนไม่ต้องกลายมาเป็นคนพิการ ทั้งนี้พอหลังจากที่เกิดเหตุแล้วตนเองและครอบครัวก็รู้สึกเครียดมาก พยายามหาทางที่จะคุยกับทางแพทย์ของโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรก เพื่อให้ได้คำตอบว่าทำไมถึงไม่ผ่าตัดให้ตนก่อนในคืนนั้น ทำไมต้องมีเงินแสนถึงจะทำให้ แล้วแบบนี้คนจนๆ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจะทำอย่างไร ไม่มีสิทธิรักษาจนต้องกลายเป็นคนพิการ และทำไมถึงตรวจไม่พบว่าเส้นเลือดที่ขาขาดด้วย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี กลัวไปคุยกันเองแล้วจะเพลี่ยงพล้ำไปหมิ่นประมาทเขา ก็อาจจะทำให้ถูกฟ้องร้องกลับได้ กระทั่งมีเพื่อนแนะนำว่าให้โทรศัพท์ไปขอคำปรึกษาจากทนายตั้ม ตนจึงได้ลองโทรศัพท์ไปถามและก็ได้รับคำแนะนำว่า ทางทนายจะช่วยเดินเรื่องให้แต่ต้องให้มีการพูดคุยเพื่อรับฟังเหตุผลทางแพทย์หรือคณะผู้บริหารจากโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกเสียก่อน

ส.เบญจเพส2

ด้านนางภัทราวดี แก่นสาร อายุ 54 ปี อาชีพรับจ้าง แม่ของนายอภิรมย์ฯ เล่าว่า ในวันเกิดเหตุ ตนเองเดินทางไปดูบุตรชายที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งแรก และก็ได้พูดคุยกับคุณหมอ ซึ่งหมอก็บอกว่าถ้ามีเงิน 1 แสนก็จะผ่าตัดให้เลย พอตนบอกว่าให้ผ่าตัดให้ก่อนแล้วจะนำเงินมาจ่ายให้ตอนเช้า แต่หมอไม่ฟังเสียงที่ตนพูดออกไปเลย หมอเดินหนีไปโดยไม่หยุดฟังสักคำ ส่วนลูกชายก็ถูกเข็นไปในห้องไอ.ซี.ยู และหมอช่วยเพียงแค่ใส่เครื่องรักษาปอด เนื่องจากมีลมออกจากปอด ซึ่งพวกตนก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร จนกระทั่งผ่านไปหลายชั่วโมง ทางโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรก ก็ส่งตัวลูกชายต่อไปที่โรงพยาบาลมหาชัย 2 เมื่อถึงมือแพทย์โรงพยาบาลมหาชัย 2 แพทย์บอกว่า ต้องตัดขาทิ้ง เพราะเส้นเลือดขาขาด และเซลล์ตายแล้ว เนื่องจากมาช้าไป ไม่สามารถต่อได้ ทำให้ทั้งตนและนางสาววรรษมน โพธิ์สาท  ลูกสะใภ้ แทบยืนไม่อยู่ แต่ก็ต้องตัดใจให้แพทย์ตัดขา เพื่อรักษาชีวิตที่เหลือเอาไว้ ซึ่งทางบ้านแค่ต้องการอยากรู้ว่าทำไมแพทย์ของโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกไม่รักษาลูกชายก่อน แล้วทำไมตรวจไม่พบว่า เส้นเลือดขาที่ลูกชายขาดจนต้องต่อให้ทันภายใน 6 ชั่วโมง อีกทั้งจะเอาตัวลูกชายไว้นานทำไม เหตุใดไม่รีบนำส่งโรงพยาบาลมหาชัย 2 เลย หลังจากที่ตรวจพบสิทธิตามการรักษาของประกันสังคม

ส่วนทางด้านนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทนายประชาชน ก็บอกว่า ทั้งนี้ในส่วนของทีมงานทนายประชาชนนั้น จะต้องขอตรวจสอบข้อมูลทางเอกสารทั้งหมดก่อน และจะต้องมีการรับฟังคำชี้แจงจากทางการแพทย์ของโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกด้วย จึงจะสามารถดำเนินการต่อทางด้านกฎหมายได้ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย../

สุเมธ/ภาพ/ข่าว