รับกระดูกลูก

AD WEB NET 2

 

พี่เมธ แม่เด็ก 1

เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. ของวันที่ 25 เมษายน 2560 นางเบญจวรรณ เชื้อสายใจ อายุ 37 ปี ผู้เป็นแม่ของเด็กชายอนุรักษ์ หรือน้องฟลุ๊ค ขันจำนงค์ อายุ 9 ปี ที่ถูกนายนายขุนทอง ขันจำนงค์  อายุ 36 ปี ผู้เป็นพ่อแท้ๆ ใช้ปืนลูกซองยาวยิงศีรษะเสียชีวิตภายในบ้านพักเมื่อคืนวันที่ 23 เมษายนที่ผ่านมานั้น ก็ได้เดินทางมาที่สถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรสาคร พร้อมกับ เด็กหญิงพรตะวัน หรือน้องเฟิร์น ขันจำนงค์ อายุ 13 ปี พี่สาวของน้องฟลุ๊ค และครอบครัวญาติพี่น้องของนายขุนทองฯ ผู้ต้องหา เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม  โดยทางด้านของนางเบญจวรรณฯ นั้น ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ใดๆ ในขณะนี้ เพราะว่ายังอยู่ในภาวะที่ทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและต้องสูญเสียลูกชายคนเดียวไป

ขณะที่ทางด้านของนายมิ่ง เชื้อสายใจ อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 300 หมู่ที่ 3 ต.บ้านเป่า อ.เมือง จ.ลำปาง ซึ่งเป็นคุณตาของน้องฟลุ๊ค ผู้เสียชีวิต ที่ได้นั่งรออยู่ที่ท้ายรถกระบะไม่ได้ขึ้นไปให้ปากคำด้วย ทั้งนี้เพื่อคอยเฝ้าดูกระถางธูปเชิญดวงวิญญาณของน้องไม่ให้ดับ ก็ได้เปิดใจให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า หลังจากทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งตา ยาย แม่ และพี่สาวของฟลุ๊คทุกคนต่างตกใจ หรือจะเรียกว่าช๊อคไปตามๆ กันก็ว่าได้ จากนั้นก็รีบให้คนข้างบ้านช่วยขับรถยนต์กระบะพาลงมาที่จังหวัดสมุทรสาครทันที ซึ่งออกจากจังหวัดลำปางเมื่อเช้าวานนี้ มาถึงบ้านที่เกิดเหตุก็ประมาณ 1 ทุ่มตรงของวันที่ 24 เมษายน แล้วก็ไปที่วัดโกรกกรากทันทีเพื่อไปดูหน้าหลานชายคนเดียวเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะทำการสวดศพ แล้วก็เผาศพไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อเวลาประมาณ 20.30 น.ของวันวาน (24 เมษายน) เนื่องจากมีพระแนะนำว่า เด็กที่เสียชีวิตนั้นอายุยังไม่ถึง 10 ปี ต้องทำการเผาทันทีดวงวิญญาณจะได้ไปสู่สุคติ แต่ทั้งนี้ทางครอบครัวของตน ซึ่งเป็นคนจังหวัดลำปางนั้น ก็มีความเชื่อตามประเพณีชาวเหนือว่า จะต้องทำการสวดพระอภิธรรมอีก ดังนั้นจึงได้นำเถ้ากระดูกของหลานชายและรูปถ่าย พร้อมกับกระถางธูป เชิญดวงวิญญาณกลับไปทำพิธีสวดตามประเพณีของคนเหนือ แต่จะเป็นกี่คืนนั้นก็คงต้องรอปรึกษากับทางแม่และญาติๆ ที่จังหวัดลำปางก่อน ส่วนผู้ที่ก่อเหตุนั้น ไม่มีใครยอมให้อภัยในสิ่งที่เกิดขึ้น

พี่เมธ แม่เด็ก 2

นายมิ่งฯ ยังบอกอีกว่า สำหรับนายขุนทอง ขันจำนงค์ ลูกเขยนั้น ปกติเมื่อขึ้นไปหาภรรยาและลูกๆ ก็จะมีนิสัยที่ดี ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกัน และเป็นคนที่รักเมียและลูกทั้งสองคนเป็นอย่างมาก แต่จะมีนิสัยเสียตรงที่ชอบดื่มสุราอย่างหนัก ส่วนสาเหตุที่ลูกสาวของตนกลับมาอยู่บ้านที่จังหวัดลำปางและไม่ยอมกลับมาอยู่กับนายขุนทองที่สมุทรสาคร ก็เพราะว่า ลูกสาวของตนต้องกลับมาช่วยพ่อแม่ค้าขายและคอยดูแลพ่อแม่ที่แก่เฒ่า ซึ่งก็เคยชวนให้นายขุนทองมาอยู่ด้วยกัน แต่นายขุนทองก็มาอยู่ได้ไม่นาน เพราะไม่มีงานทำ จึงกลับมาหางานทำที่บ้านเกิดในจังหวัดสมุทรสาคร ต่อมานายขุนทองฯ ได้พยายามชวนให้เมียพาลูกลงมาอยู่ที่สมุทรสาคร แต่เมียไม่ยอมพาลูกลงมาเพราะถ้ามาก็ไม่มีงานอะไรให้ทำ จะค้าขายก็ไม่พอกินเนื่องจากค่าใช้จ่ายสูง อีกทั้งยังต้องส่งลูกทั้งสองคนเรียน รวมถึงไม่มีใครดูแลพ่อแม่ จึงขออยู่ทำมาหากินที่จังหวัดลำปาง โดยเมื่อนายขุนทองว่างก็จะขึ้นไปหาลูกและรับลูกชายคนเล็กที่นายขุนทองรักมาก และลูกชายก็รักนายขุนทองมาก ลงมาบ้านย่าที่จังหวัดสมุทรสาครด้วยกัน พอใกล้เปิดเทอมก็จะกลับไปส่งที่จังหวัดลำปางเป็นเช่นนี้เรื่อยมากว่า 1 ปีแล้ว จึงไม่มีใครคาดคิดว่านายขุนทองฯ จะมาฆ่าลูกชายตัวเองที่เป็นดั่งหัวแก้วหัวแหวนของนายขุนทอง ซึ่งหลังเกิดเหตุทุกคนก็ร้องไห้แบบข้ามวันข้ามคืน และตนเองยังคิดว่าการปล่อยให้หลานชายคนเดียวลงมาในครั้งนี้ เป็นการส่งหลานมาตาย

พี่เมธ แม่เด็ก 3

ส่วนทางด้านเด็กหญิงพรตะวัน หรือน้องเฟิร์น ขันจำนงค์ พี่สาวของน้องฟลุ๊ค ก็บอกว่า ปกติน้องจะลงมาอยู่ที่บ้านพ่อเป็นประจำอยู่แล้วในช่วงปิดเทอมเพราะน้องจะสนิทกับพ่อมากกว่าตน แต่ก่อนที่น้องจะลงมาในครั้งนี้ ตนเองก็ไม่ได้ห้ามอะไร  เพียงแค่ถามว่าน้องจะลงมาจริงหรือ น้องก็ตอบว่า อยากจะมา จะลงมาอยู่กับพ่อ

ทั้งนี้หลังจากที่นางเบญจวรรณ เชื้อสายใจ แม่ของน้องฟลุ๊ค ได้เข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็จะรีบเดินทางกลับจังหวัดลำปางทันที ส่วนเรื่องของคดีนั้น ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

พี่เมธ แม่เด็ก 4

 

สุเมธ/ภาพ/ข่าว