รถกระบะเฉี่ยวชนรถที่จอดรอยูเทิร์นทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน
เมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. ของวันที่ 1 ตุลาคม 2561 ร.ต.อ.อะลาม ครุฑจู รองสารวัตรสอบสวน สภ.บางโทรัด ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถชนกันหลายคันบนถนนพระราม 2 ฝั่งขาออก กทม. ต.บางโทรัด อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ตรงจุดกลับรถเอกโฮดิ้ง โดยมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมกับเจ้าหน้าที่กู้ชีพโรงพยาบาลมหาชัย และเจ้าหน้าที่มูลนิธิการกุศลสมุทรสาคร ในที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะจำนวน 3 คัน รถเก๋ง 1 คัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน คือ นายประเสริฐ จันทร์เกสร อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 105 หมู่ที่ 2 ต.หนองกระปุก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี เป็นผู้ขับขี่รถกระบะโตโยต้า หมายเลข บพ 2471 เพชรบุรี ซึ่งเจ้าหน้าที่กู้ชีพโรงพยาบาลมหาชัย ได้นำส่งเข้ารับการรักษา
นอกจากนี้ยังพบรถยนต์กระบะมาสด้า สีบรอนด์ หมายเลขทะเบียน ถษ 4935 กรุงเทพมหานคร สภาพพลิกตะแคงอยู่ช่องทางขวาสุด ตัวรถทับคนขับเสียชีวิตคาที่ ทราบชื่อคือ นายไพจักร ไทยภักดี อายุ 61 ปี อยู่บ้านเลขที่ 127 หมู่ที่ 3 ต.ยกกระบัตร อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร และห่างออกไปอีกเล็กน้อยยังพบรถยนต์กระบะอีซูซุ หมายเลขทะเบียน กน 3578 กาญจนบุรี สภาพด้านหน้าเสียหายจนหม้อน้ำแตก มีนายประพัฒน์ ก่ำแก้ว เป็นคนขับโชคดีไม่ได้รับบาดเจ็บ และยังมีรถเก๋งฮอนด้า สีขาว หมายเลขทะเบียน กง 7476 นครพนม ถูกชนอีก 1 คัน โดยมีนางสาวณัฐนันท์ ลำมุข อยู่บ้านเลขที่ 165 หมู่ที่ 11 ต.บ้านแพง อ.บ้านแพง จ.นครพนม เป็นคนขับแต่ไม่ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน ซึ่งอุบัติเหตุครั้งนี้นอกจากรถยนต์เสียหาย มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน กับเสียชีวิตอีก 1 คนแล้ว ยังส่งผลทำให้การจราจรบนถนนพระราม 2 ขาออกมุ่งหน้าลงภาคใต้ ติดขัดยาวเกือบ 2 กิโลเมตร เนื่องจากเป็นช่วงเวลาเร่งด่วน โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ต้องรีบทำการเคลื่อนย้ายรถออกจากจุดที่เกิดเหตุ เพื่อเปิดการจราจรให้กลับสู่ภาวะปกติ
จากการสอบสวนในเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุขณะที่รถเก๋งฮอนด้า ได้ชะลอรถเพื่อจะกลับรถบริเวณจุดยูเทิร์น โดยมีรถกระบะมาสด้าของผู้เสียชีวิตขับตามมาเพื่อจะกลับรถเช่นกัน แต่ได้ถูกรถกระบะโตโยต้าที่ขับตามหลังมาด้วยความเร็วและไม่ทันระวังรถที่ชะลอความเร็วเข้าจุดยูเทิร์น จึงทำให้เกิดการเฉี่ยวชนกันหลายคัน แต่ที่โชคร้ายที่สุดคือ รถกระบะมาสด้าของนายไพจักร ไทยภักดี ที่ถูกกระแทกอย่างแรงจนพลิกตะแคงแล้วทับร่างคนขับที่กระเด็นหลุดออกมาจากประตู ทำให้เสียชีวิตคาที่
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ขับรถทุกคันไปสอบปากคำเพิ่มเติม เพื่อหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ ก่อนที่จะมีการแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายกับรถคันที่เป็นต้นเหตุของอุบัติเหตุต่อไป
สุเมธ/ภาพ/ข่าว