พม่าหลอกเงินทอน

เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. ของวันที่ 9 มกราคม 2561 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนางสาวสายชล  รัตนวิชัย อายุ 38 ปี ว่าถูกแรงงานข้ามชาติชาวเมียนมาร์ 3 คน เป็นชาย 2 คน และหญิงสาว 1 คน มาซื้อพัดลมที่ร้านลุงดำ ซึ่งเป็นร้านของตนที่เปิดขายสินค้าเบ็ดเตล็ด ตั้งอยู่ตรงปากซอยทางเข้าวัดทองธรรมิการาม หมู่ที่ 7 ต.ท่าทราย อ.เมืองสมุทรสาคร โดยทั้ง 3 คน ได้ช่วยกันใช้เล่ห์เหลี่ยมแบบพูดจาถามไปถามมา จนตนเองหลงกลทอนเงินไปให้ซ้ำถึง 2 ครั้ง ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ มีภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกไว้ได้ และเห็นได้ชัดเจน ทั้งธนบัตรที่แรงงานส่งมาให้ และธนบัตรที่ทางร้านทอนกลับไปให้แรงงานเมียนมาร์ทั้ง 2 ครั้ง

นางสาวสายชล รัตนวิชัย เล่าว่า เมื่อวานนี้ในช่วงที่ตนเองต้องอยู่ร้านเพียงคนเดียว พร้อมกับลูกจ้างเป็นแรงงานข้ามชาติอีก 1 คน ส่วนสามีออกไปทำธุระข้างนอก  ก็มีแรงงานชาวเมียนมาร์ 3 คน อายุไม่มากนัก เดินเข้ามาซื้อพัดลมที่ตั้งอยู่หน้าร้านแล้ว   ก็หยิบมาให้ตนคิดเงิน พร้อมกับบอกว่าต้องการใบเสร็จ ซึ่งตนก็เขียนให้ในราคา 540 บาท อีกทั้งยังช่วยกันถามเกี่ยวกับวิธีการใช้พัดลม  และการประกันคุณภาพ โดยตนก็ให้ลูกจ้าง  ที่สามารถสื่อสารด้วยภาษาเดียวกันรู้เรื่องเป็นผู้อธิบายให้  พอตนเขียนใบเสร็จเรียบร้อย ก็ส่งให้กับแรงงานเมียนมาร์ แล้วเขาก็ส่งเงินมาให้ 1,040 บาท ตนก็หยิบเงินทอนเป็นธนบัตรใบละ 500 บาท ส่งให้ไป แล้วลูกจ้างของตนก็เอาพัดลมใส่ถุงให้กับลูกค้า  ก่อนที่จะเดินออกไปเพื่อขายของให้กับลูกค้าคนอื่นที่มายืนเลือกซื้อสินค้าอยู่หน้าร้าน แต่ปรากฏว่าแรงงานทั้ง 3 คน ยังยืนอยู่กับที่ไม่ยอมไปไหน ตนก็เลยถามว่าจะเอาอะไรอีกหรือป่าว  แรงงานเมียนมาร์ก็บอกว่ายังไม่ได้เงินทอน ซึ่งตนก็บอกว่าทอนไปแล้ว แต่เขาก็ทำมือกลับมาว่ายังไม่ได้ ตนจึงถามลูกน้องของตนว่า เราทอนเงินไปหรือยัง

ซึ่งลูกน้องก็บอกว่าไม่แน่ใจ ส่วนแรงงานทั้ง 3 คน ก็ยืนยันว่ายังไม่ได้ทอน ตนก็เลยต้องหยิบธนบัตรฉบับละ 100 บาท จำนวน 5 ฉบับ ส่งให้ใหม่อีกรอบ แล้วแรงงานเมียนมาร์  ก็ออกจากร้านไปทันที  ซึ่งในตอนนั้นทางร้านกำลังยุ่งกับการขายของจึงไม่มีเวลาตรวจสอบกล้องวงจรปิด มาตรวจสอบอีกครั้งก็ช่วงค่ำตอนที่ปิดร้านแล้ว  จึงได้รู้ว่าถูกเล่ห์เหลี่ยมกลโกงจากแรงงานเมียนมาร์เข้าให้แล้ว โดยทอนเงินครั้งละ 500 บาท ไปถึง 2 ครั้ง เท่ากับแรงงานเมียนมาร์นี้ ซื้อพัดลมแค่ในราคาตัวละ 40 บาท จากราคาขาย 540 บาท  นางสาวสายชลฯ บอกว่า หลังเกิดเหตุตนเองก็ไม่ได้เข้าแจ้งความ เพราะไม่อยากจะทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ แต่ก็อยากจะให้สังคมได้รับรู้เล่ห์เหลี่ยมของแรงงานข้ามชาติไว้บ้าง และเพื่อเป็นการเตือนตัวเองกับเตือนเพื่อนๆพ่อค้าแม่ค้าด้วยกันให้ระวังไว้  โดยเฉพาะการขายของในช่วงเวลาที่มีลูกค้ามาซื้อพร้อมๆกันหลายคน  ก็ต้องดูให้ดี  คิดและไตร่ตรองให้รอบคอบ มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ตรวจสอบ  และที่สำคัญคือ เวลาจ่ายเงินต้องให้ลูกค้าเข้าแถวจ่ายทีละคน จะได้ไม่สับสน

สุเมธ/ภาพ/ข่าว