ทำแผน
พล.ต.ท.ดร.สุวิระ ทรงเมตตา รรท.ที่ปรึกษา สบ.10 พร้อม พล.ต.ต.กฤษณะ ศิริปิยะวัฒน์ รองผบช.ภ.7 รรท.ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ50 นายควบคุมตัวนายอาว หรือMIN YE AUNG อายุ 22 ปี สัญชาติเมียนมา ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุใช้อาวุธปืนฆ่าชิงทรัพย์นายสิทธิศักดิ์ ปรักมาศ อายุ 53 ปี คนขับรถแท็กซี่ มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพท่ามกลางประชาชนที่สนใจในการทำแผนมามุงดูกันจำนวนมาก ซึ่งใช้เวลาในการทำแผนครั้งนี้ประมาณ10นาที
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมนายอาว ชาวเมียนมา ได้ที่บริเวณข้างห้องน้ำด้านหลังวัดสุธรรมวดี(วัดมอญ) ซอยบางกระดี่25 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม. และควบคุมตัวมาสอบสวน โดยนายอาว ให้การรับสารภาพว่าก่อนเกิดเหตุตนได้ขี่จักรยานมาจอดไว้ที่บริเวณซอยไพบูลกิจอลูมิเนียม ต.บางน้ำจืด อ.เมือง จ.สมุทรสาคร จากนั้นได้เดินมาประมาณ200 เมตรมาที่บริเวณหน้าหมู่บ้านเต็มสมบูรณ์ และได้เรียกรถแท็กซี่เพื่อจะเดินทางไปหาเพื่อนที่วัดใต้บ้านบ่อ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เพื่อจะไปนอนและรอเที่ยวในงานประจำปีของวัดใต้บ้านบ่อในวันรุ่งขึ้น แต่ระหว่างทางนั้นเกิดมีปากเสียงกับคนขับแท็กซี่เนื่องจากขับรถเลยซอยทางเข้าวัดและเรื่องค่าโดยสาร ต่อมาคนขับจะชักอาวุธปืนมาทำร้ายตน ตนจึงใช้กำลังแย่งอาวุธปืนมาได้ก่อนที่จะเปิดประตูวิ่งหลบหนีแต่คนขับวิ่งไล่ตามมา ตนจึงใช้อาวุธปืนยิงใส่ก่อนที่จะหยิบกระเป๋าเงินไปด้วย และนำอาวุธปืนทิ้งไว้บริเวณจุดใกล้ที่เกิดเหตุ ก่อนที่จะเดินหลบหนีไปจนกระทั่งถูกจับในที่สุด
ทางด้านพล.ต.ท.ดร.สุวิระ ทรงเมตตา รรท.ที่ปรึกษา สบ.10 กล่าวว่าในกรณีที่เกิดเหตุครั้งนี้ตนเชื่อมั่นว่าคนร้ายรายนี้ได้วางแผนมาแต่ต้นที่จะทำการจี้ชิงทรัพย์ปล้นแท็กซี่ ซึ่งคนร้ายทำงานอยู่กำลังถูกเลิกจ้างและไม่มีเงินใช้ จึงยืมรถจักรยานสองล้อขี่มาตรงบริเวณริมถนนและซุกซ่อนรถในพงหญ้าข้างทางจากนั้นเดินไป200เมตรเรียกรถแท็กซี่ที่เป็นเหยื่อ แล้วเมื่อขึ้นรถแล้วก็นั่งอยู่บนเบาะหลังและให้แท็กซี่ไปส่งในเส้นทางซึ่งในเส้นทางที่คนร้ายบอกให้แท็กซี่ไปส่งไม่มีจุดหมายปลายทางที่แท้จริงว่าคนร้ายจะไปจุดนั้นแต่เป็นการเพียงการอำพรางเพื่อลวงให้แท็กซี่มาทางเปลี่ยว แล้วก็ทำการประทุษร้ายต่อทรัพย์และก็ต่อชีวิต ซึ่งดูจากพฤติการณ์แล้วคนร้ายประสงค์ต่อทรัพย์มาตั้งแต่เริ่ม มีการวางแผนที่จะทำการชิงทรัพย์ โดยการตระเตรียมเรื่องอาวุธปืนมาด้วยเรื่องการพรางตัวถึงจุดที่อยู่ของตัวเองที่แท้จริงละเมื่อทำการฆ่าแท็กซี่แล้วก็ทำการนำทรัพย์ที่อยู่ในตัวผู้ขับรถแท็กซี่ไปกับตัวเองและก็ทำลายหลักฐานไม่ว่าจะเป็นเอกสารส่วนบุคคลของแท็กซี่ไปทิ้งในถังขยะและพรางตัวของตัวเองที่สวมใส่เสื้อผ้าสวมหมวกมาก็ถอดทิ้งระหว่างทางและพรางตัวในการหลบหนี พฤติการณ์ที่กล่าวนี้ทั้งหมดชัดเจนว่าเป็นคนร้ายที่ประสงค์ต่อทรัพย์และจี้ชิงทรัพย์ครับ../
สุเมธ/ภาพ/ข่าว
