ทองแดง เบ็ญจะปัก ว่าที่ ส.ส.เขต1สมุทรสาคร

และนี่ก็คือม้ามืดทางการเมือง ที่สร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับใครหลายๆคนไม่น้อย กับการได้รับคะแนนความไว้วางใจให้ก้าวเข้ามาเป็นว่าที่ ส.ส.สมุทรสาคร เขต 1 จากคนที่ไม่ได้ถูกจับตามองแต่ก็กลับเป็นคนที่หลายคนอยากรู้จัก เมื่อการนับคะแนนจบลงในคืนวันที่  24 มีนาคม ที่ผ่านมา เขาคนนี้ก็คือ นายทองแดง เบ็ญจะปัก ว่าที่ ส.ส.สมุทรสาคร เขต1 พรรคอนาคตใหม่ ที่ทางทีมข่าวมหาชัยเคเบิลทีวีเคยเปิดประวัติเขาไปแล้ว  นายทองแดง เป็นลูกหลานชาวนา เกิดที่จ.อุดรธานี และได้บรรพชาเป็นสามเณรตั้งแต่ อายุ 13 ปี  และเมื่อปี 2523 ได้มาบวชเรียนต่อที่วัดป้อมวิเชียรโชติการาม พระอารามหลวง จ.สมุทรสาคร และอยู่ในเส้นทางสายพระพุทธศาสนาเรื่อยมาจนถึงปี2538 ก็ได้ลาสิกขา มาทำงาน ซึ่งก็ทำงานหลายอย่างทั้งขายของ รับจ้าง มีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง และอยู่ที่สมุทรสาครมาจนถึงปัจจุบัน

ส่วนการก้าวเข้ามาสู่เส้นทางการเมืองนั้น ก็ด้วยมีคนรู้จักกันมาทาบทาม ตอนแรกคิดว่าตนเองคงทำไม่ได้ เพราะไม่มีพื้นฐาน แต่เมื่อคิดดูอีกที  ก็เป็นสิ่งที่น่าลอง เพราะดูจากชีวิตตนเอง ได้เห็นพวกเพื่อนๆที่ทำงาน กว่าจะได้เงินแต่ละบาท มันยากลำบากมาก เหมือนคนหาเช้ากินค่ำไปวันๆ  และคิดว่าต้องมีคนที่เหมือนตนเองอีกหลายคน จึงอยากเข้ามาทำงานด้านการเมือง เพื่ออยากแก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้านกลุ่มนี้ด้วย และจากการศึกษานโยบายของพรรคอนาคตใหม่ ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจ เลยตอบตกลง

ส่วนความรู้สึกหลังจากที่ได้ทราบผลว่าตนเองคือผู้ชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ ก็บอกว่า รู้สึกดีใจมาก แต่ไม่คิดเลยว่าตนเองจะได้ เพราะตนเองเป็นคนที่มาจากวัด เป็นคนที่ไม่มีพื้นฐานอะไรเลย แต่วันนี้เป็นความจริงแล้วกับเส้นทางการเมือง ก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดให้สมกับความไว้วางใจที่หลายคนได้เลือก

ส่วนเรื่องที่หลายคนมองว่า พื้นฐานทางการเมือง พื้นฐานงานบริหารไม่มีแล้วจะก้าวเข้ามาพัฒนาบ้านเมืองได้อย่างไร นายทองแดงบอกว่า ตลอดเวลาที่ตนเองบวชเรียน ได้เห็นอะไรหลายอย่าง ได้เห็นความยากลำบากของประชาชน ก็คิดว่าตนเองก็อยากจะแก้ไขปัญหาอะไรแบบนั้นด้วย ส่วนเรื่องการเมือง เป็นสิ่งที่อยู่รอบตัวเราอยู่แล้ว เรื่องปากเรื่องท้อง เรื่องความเป็นอยู่ ก็คือเรื่องการเมือง ส่วนสิ่งแรกที่อยากทำ ก็คืออยากจะกระจายอำนาจลงท้องถิ่น ก่อนอื่นจะต้องลงพบชาวบ้าน สอบถามชาวบ้านว่าต้องการอะไร อยากได้อะไร เข้าถึงชาวบ้านให้มากสุด หากกระจายอำนาจลงสู่ประชาชนให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์เร็วและตรงที่สุด  และคิดว่าตนเองต้องทำได้แน่นอน และต้องไม่ใช่การเมืองแบบเดิมๆ การไม่มีพื้นฐานทางเมืองไม่ใช่ปัญหา หากเรามีพรแสวงก็สามารถทำได้ และสิ่งที่ได้จากวัด หลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนาเป็นหลักธรรมขั้นพื้นฐานที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาบ้านเมือง ดูแลประชาชนได้อย่างแน่นอน

เอเชีย ภาพ / พรเพ็ญ ข่าว