ทนายตั้มพาสาวเข้าแจ้งความถูกประธานฯ แมลงสาบตุ๋นเงิน 1.5 แสน

AD WEB NET แก้ไข 3-11-60

ทนายตั้ม-01

เมื่อเวลา 10.30 น. ของวันที่ 8 มกราคม 2561 นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ  ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ได้พานางอนุสรา วงศ์สนิท อายุ 35 ปี   อยู่บ้านเลขที่ตามบัตรประชาชน 121/13 หมู่ที่ 8 ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.ตระการ  อินทร์สว่าง รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร เพื่อดำเนินคดีกับนายบี (นามสมมติ) หรือที่หลายคนรู้จักในนามประธานบี (นามสมมติ) ผู้ซึ่งโด่งดังในโลกโซเชียล   เมื่อปลายปี 2560 ที่ผ่านมา จากเหตุการณ์กินอาหารในห้างดังทางภาคเหนือแล้วพบแมลงสาบในอาหาร จนกลายเป็นประเด็นร้อนมีการฟ้องร้องค่าเสียหายกัน ซึ่งในส่วนของนางอนุสราฯนั้น ได้เข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีต่อบุคคลดังกล่าว เนื่องจากก่อนหน้านี้เมื่อประมาณเดือนพฤศจิกายน 2560 นางอนุสราฯ ได้มีปัญหาครอบครัวกับสามี แล้วก็มีเรื่องที่ต้องฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกัน โดยนางอนุสราฯ ได้ร้องเรียนไปยังหลายหน่วยงานแต่เรื่องก็เงียบ  อีกทั้งยังถูกสามีท้าทายให้ไปหาคนที่เก่งที่สุดมาช่วยเหลือ เพราะไม่มีใครทำอะไรสามีได้ เนื่องจากสามีนั้นรู้จักผู้หลักผู้ใหญ่มากมาย ทั้งนี้ตนเองรู้สึกมืดแปดด้านไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป  พอดีมีคนที่รู้จักกันแนะนำให้เข้าไปที่เฟสของประธานบีฯ เพื่อขอความช่วยเหลือ เพราะคนที่แนะนำมานั้น บอกว่า ประธานบีฯ เป็นคนตรงไม่เกรงกลัวใคร ไม่กลัวอิทธิพลใดๆ เป็นคนที่เดินหน้าเพื่อความถูกต้อง โดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆทั้งสิ้น ดังนั้นตนจึงตัดสินใจเข้าขอความช่วยเหลือจากประธานบีฯ ซึ่งก็ได้มีการนัดพูดคุยกัน และในที่สุดก็ถูกทางฝ่ายประธานบีฯ บอกว่า  การฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทั้งทางแพ่งและอาญาต้องมีค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะค่าทนายโดยเบ็ดเสร็จก็เป็นเงินอยู่ที่จำนวน 1.5 แสนบาท ซึ่งตนก็ตกลงจ่ายให้ แล้วก็มีการโอนเงินผ่านบัญชีไปให้เป็นที่เรียบร้อย แต่จากวันที่ประธานบีฯ ได้รับเงินก็เงียบหายไป จนอีก 2 วัน จะถึงวันที่ตนต้องไปขึ้นศาลจังหวัดสมุทรสาคร ก็ได้โทรศัพท์ไปหาเพื่อสอบถามว่าจะทำอย่างไรต่อไป   ทางประธานบีฯ ก็บอกว่าถ้าตนจะขอไปขึ้นศาลด้วย ทางประธานบีฯ กับทนายก็จะไม่ไป แต่ถ้าตนไม่ไปขึ้นศาล ประธานบีฯ กับทนายจะไปอย่างแน่นอน โดยตนเองก็เห็นผิดสังเกตแล้ว   จึงบอกไปว่าตนจะไปขึ้นศาลแต่ถ้าประธานบีไม่พาทนายไปศาลด้วย ก็ขอยกเลิกการขอความช่วยเหลือในครั้งนี้และขอให้โอนเงิน 1.5 แสนบาทกลับมาให้ตน เพราะตนเองนั้นจะต้องนำเงินก้อนนี้ไปจ้างทนายความคนอื่น ให้มาดำเนินคดีแทน แต่ประธานบีฯ ก็มีท่าทียึกยัก แล้วก็บอกว่าไม่มีปัญหา แต่ขอให้ตนช่วยเขียนข้อความทางไลน์แล้วส่งกลับไปให้ประธานบีว่า “ขอยกเลิกสัญญาทางแพ่งและอาญา  ตามที่ข้าพเจ้านางอนุสรา วงศ์สนิท ได้ว่าจ้างให้ท่านดำเนินคดี  ทางแพ่งและอาญาในคดีครอบครัวของข้าพเจ้าฯ แล้วได้โอนเงินค่าใช้จ่าย แยกเป็นคดีอาญาจำนวน 75,000 บาท และคดีแพ่งจำนวน 75,000 บาทนั้น  เนื่องจากความเห็นทางคดีของข้าพเจ้ากับท่านไม่ตรงกัน ข้าพเจ้าจึงขอยกเลิกสัญญาทั้งทางแพ่งและอาญา และขอให้ท่านโอนเงินคืนข้าพเจ้าโดยทันทีภายใน 3 วัน เพราะข้าพเจ้าเดือดร้อนอย่างมาก ต้องใช้ในการดำเนินคดี” โดยตนก็ทำตามที่ประธานบีฯ บอกมา คือ พิมพ์ข้อความตามนี้แล้วส่งกลับไปทางไลน์ให้ประธานบีฯ แต่ปรากฏว่า นับจากวันที่ส่งจนถึงวันนี้ เป็นเวลาล่วงมาเกือบ 1 เดือนแล้วนั้น ตนก็ยังไม่ได้รับเงินคืนกลับมาแม้แต่บาทเดียว พอติดต่อกลับไปทางโทรศัพท์ก็ไม่รับสาย ส่วนไลน์ก็ถูกบล็อก ทำให้คิดได้ว่าน่าจะโดนหลอกต้มตุ๋นเข้าแล้ว จึงได้เข้ามาหาทีมงานทนายประชาชนเพื่อขอความช่วยเหลือในเรื่องของการถูกหลอกเงิน 1.5 แสนบาท แล้วก็ได้เข้ามาแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจฯ สภ.เมืองสมุทรสาคร พร้อมกับทนายประชาชน

ทนายตั้ม-02

ด้านนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ บอกว่า การแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับประธานบีฯ นามสมมตินั้น เพื่อขอให้มีการดำเนินคดีใน 2 ประเด็นเท่านั้น คือ เรื่องของเงิน 1.5 แสน ที่รับไปแล้วแต่ไม่ยอมคืนกลับมาให้ผู้เสียหาย กับ ทางผู้ถูกกล่าวหานั้น มีทนายเพื่อจะมาช่วยเหลือผู้เสียหายจริงหรือไม่เท่านั้นเอง ส่วนเรื่องคดีเก่าการฟ้องร้องระหว่างผู้เสียหายกับสามีนั้น ไม่เกี่ยวกับการเข้าแจ้งความในครั้งนี้ฯ แต่อย่างใดทั้งสิ้น

นายษิทราฯ ยังกล่าวทิ้งท้ายอีกว่า จากการสืบข้อมูลของผู้ที่ถูกกล่าวหานั้น พบว่า เป็นบุคคลที่มีความรู้ทางด้านกฎหมายพอสมควร และก็มีคนเข้าร้องเรียนต่อหน่วยงานต่างๆ  ในลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้งด้วย ซึ่งจากข้อความที่ทางผู้ถูกกล่าวหา บอกให้นางอนุสราฯ พิมพ์ตาม แล้วส่งกลับไปให้ทางไลน์นั้น แม้จะเป็นหลักฐานเพื่ออ้างว่า ผู้เสียหายเป็นผู้ที่บอกเลิกสัญญาเอง  จึงเป็นการทำผิดข้อตกลงและกลายเป็นข้อเสียเปรียบของผู้เสียหาย  แต่ถึงแม้จะมีข้อความนี้ปรากฏ  แต่ก็เป็นหลักฐานชิ้นหนึ่งที่ยืนยันได้ว่า บุคคลที่ถูกกล่าวหานั้นมีเจตนาหลอกลวงผู้เสียหายตั้งแต่ต้น  ยิ่งปิดไลน์หนียิ่งเป็นหลักฐานทำให้น่าเชื่อถือในพฤติกรรมหลอกลวงได้มากขึ้น  โดยทางทีมงานทนายประชาชน ก็จะเดินหน้าให้ถึงที่สุด เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับผู้เสียหายรายนี้

ทนายตั้ม-03

สุเมธ/ภาพ/ข่าว