ชาวประมงยื่นหนังสือขอความเห็นใจจากรัฐบาล

AD WEB CCTV 14-6-60

footer_master

เมื่อเวลาประมาณ 11.30 น. ของวันที่ 1 สิงหาคม 2561 ตัวแทนของพี่น้องชาวประมงในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครกว่า 200 คน ได้มารวมตัวกันที่หน้าศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อยื่นหนังสือคัดค้านการที่รัฐบาลไทยจะไปให้สัตยาบันเพื่อรับรองอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ 188 ( C188) และ หนังสือขอความอนุเคราะห์แก้ไขปัญหาประมง โดยมีนายกมล ไกรวัตนุสสรณ์ อุปนายกสมาคมการประมงสมุทรสาคร และนายบรรพต อินทร์คชสาร ประธานชมรมอวนล้อม เป็นตัวแทนของพี่น้องชาวประมงจังหวัดสมุทรสาคร ในการยื่นหนังสือทั้ง 2 ฉบับถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านทางนายประภัสสร์ มาลากาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร และการยื่นหนังสือคัดค้านการที่รัฐบาลจะไปให้สัตยาบันเพื่อรับรองอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ 188         ( C188) กับ หนังสือขอความอนุเคราะห์แก้ไขปัญหาประมง ซึ่งการยื่นหนังสือครั้งนี้ยังเป็นการยื่นพร้อมกันของพี่น้องชาวประมงในพื้นที่ 22 จังหวัดชายทะเลทั่วประเทศอีกด้วย

สำหรับการออกมาคัดค้านรัฐบาลที่จะไปให้สัตยาบันเพื่อรับรองอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ 188 ( C188) นั้น ก็เนื่องด้วย ทางสมาคมการประมงสมุทรสาคร และ สมาคมการประมงทั่วประเทศทั้ง 22 จังหวัดชายทะเล พิจารณาแล้วเห็นว่า ถ้ารัฐบาลไปร่วมให้สัตยาบันเพื่อรับรองอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ 188 จะก่อให้เกิดความเสียหาย และส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อชาวประมงไทยอยู่หลายประการ จะทำให้เกิดปัญหาทับถมเพิ่มขึ้นและทำลายอุตสาหกรรมประมงทะเลของไทยทั้งระบบ ตลอดจนการจ้างแรงงานภาคการประมงของประเทศไทยด้วยเช่นกัน

ส่วนหนังสือขอความอนุเคราะห์แก้ไขปัญหาประมงนั้น ก็สืบเนื่องจากการที่รัฐบาลไทย ได้มีการดำเนินการแก้ไขปัญหาต่างๆ ด้านการประมงอย่างเร่งด่วน ทั้งการ ออกกฎหมาย และการให้อำนาจเจ้าหน้าที่ของรัฐอย่างเบ็ดเสร็จในการขับเคลื่อนมาตรการต่างๆ และบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของสหภาพยุโรป (EU) ในการปลดล็อคการให้ใบเหลือง เนื่องจากประเทศไทยถูกระบุว่าเป็นประเทศที่สาม ที่ไม่ให้ความร่วมมือในการต่อต้านการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการ รายงาน และไร้การควบคุม (IUU) พร้อมทั้งแนะนำให้ประเทศไทย ดำเนินการปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบ และ การจัดการด้านการประมงของไทยให้สอดคล้องกับกฎระเบียบของสหภาพยุโรป จนสร้างปัญหาความเดือดร้อน ขาดความเป็นธรรมในการพิจารณากฎหมาย ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และประเทศชาติอย่างรวดเร็วและรุนแรง โดยเฉพาะชาวประมงที่ประกอบอาชีพอย่างสุจริตได้รับความเดือดร้อนเป็นวงกว้าง หลายครอบครัวประสบกับปัญหาที่ไม่คาดคิดมาก่อน เช่น ผู้นำมีภาระหนี้สิน บุตรหลานต้องพักการศึกษา กิจการล้มละลาย ถูกดำเนินคดีโดยไม่ได้กระทำความผิด เป็นต้น

ทั้งนี้ทางสมาคมการประมงสมุทรสาคร จึงต้องการให้นายกรัฐมนตรี นำข้อร้องเรียนของชาวประมงไปสู่การแก้ไขใน 7 ด้าน คือ 1.เรื่องการขาดแคลนแรงงานในภาคประมง, 2. รัฐบาลกับการซื้อเรือคืน, 3. ขอให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ดำเนินการปรับปรุงแก้ไข กฎ และระเบียบต่างๆ ที่ออกมาบังคับใช้กับผู้ประกอบการเรือประมง ให้มีความเสมอ ทัดเทียมกับอาชีพอื่นๆ, 4. ในส่วนของกรมเจ้าท่า ขอให้ออกประกาศกฎข้อบังคับการตรวจเรือฯ ตามที่ได้มีการปรับปรุงแก้ไขแล้ว เมื่อคราวประชุมวันที่ 26 เมษายน 2561 ด้วย เพื่อให้ชาวประมงได้ออกไปทำการประมงได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย, 5.กรมประมง ขอให้มีการทบทวนกฎหมาย พระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ในส่วนที่มีบทลงโทษที่รุนแรง เกินไป อีกทั้งยังมีการออกคำสั่งทางปกครองที่ไม่เป็นธรรมกับพี่น้องชาวประมง, 6. PIPO ขอให้แก้ไขปัญหาในการแจ้งเข้า-ออก ของแต่ละศูนย์ฯ ให้ปฏิบัติไปในแนวทางเดียวกัน และ 7. เรื่อง VMS นั้น มีกรณีที่บางครั้งเรือประมงไม่ได้ออกทำการประมงเป็นเวลานาน แต่ชาวประมงยังคงต้องรับภาระในการจ่ายค่าบริการรายเดือนของอุปกรณ์ VMS ในช่วงที่เรือจอด ซึ่งเป็นปัญหากับชาวประมงที่ไม่มีรายได้จากการจับสัตว์น้ำ แต่ยังต้องมาเสียค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ซึ่งเป็นการเพิ่มภาระหนี้สินให้กับชาวประมง ดังนั้นจึงขอให้มีการพิจารณาหาแนวทางแก้ไขและกำหนดมาตรการ เพื่อช่วยเหลือให้กับชาวประมง

tp-ประมงบุก2 tp-ประมงบุก3 tp-ประมงบุก4

เอเซีย  ภาพ / พรเพ็ญ ข่าว