จับท่อไอเสีย
เมื่อเวลาประมาณ 17.30 น. ของวันที่ 18 พฤศจิกายน 2562 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) ภายใต้ อำนวยการสั่งการของ พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบก.ปคบ.พ.ต.อ.ธวัช ปินประยงค์,พ.ต.อ.อนันต์ นานาสมบัติ, พ.ต.อ.สมชาย จันทร์คง รอง ผบก.ปคบ., นําโดย พ.ต.อ.ธนรัฐ รุ่งโรจน์ดี ผกก.๓ บก.ปคบ., พ.ต.ท.ปองภพ เศรษฐาจินดา, พ.ต.ท.อลงกรณ์ คลังเงิน รอง ผกก.7 บก.ปคบ.พร้อมพวก ได้สนธิกำลังร่วมกับตำรวจ สภ.กระทุ่มแบน กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 และ สน.หนองแขม กองบังคับการนครบาล 9 นำหมายค้นเข้าทำการตรวจค้นเป้าหมายสถานที่ผลิตท่อไอเสียสำหรับรถจักรยานยนต์ไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีเลขที่ เป็นสถานที่เช่าประกอบกิจการ ตั้งอยู่ในพื้นที่เขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร ตรงรอยต่อกับจังหวัดสมุทรสาคร ภายใต้ชื่อผลิตภัณฑ์ว่า “ท่อสูตรแดงสาย 4” มีนางสาวแสงระวี (ขอสงวนนามสกุล) รับเป็นผู้ดูแล ซึ่งจากการเข้าตรวจค้นนี้ก็พบของกลางเป็นท่อไอเสียสำหรับรถจักรยานยนต์ไม่ได้มาตรฐานและเครื่องมือต่าง ๆ ที่ใช้ในการผลิตท่อไอเสียจำนวนมาก ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดไว้เพื่อนำไปตรวจสอบว่ามีสินค้าชนิดใดที่ได้รับอนุญาต หรือไม่ได้รับอนุญาตให้ผลิต และผ่านมาตรฐาน สมอ.หรือไม่
พ.ต.อ.วรพล ยิ่งเจริญ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ตามหนังสือสั่งการ ตร.ที่ 0077.22 /2111 เรื่อง มาตรการการป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทางสาธารณะ และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง ลง 28 มิ.ย.2562 สืบเนื่องจากปัจจุบันได้มีการประกาศโฆษณาจำหน่าย สินค้าประเภทท่อไอเสียสำหรับรถจักรยานยนต์ผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย เช่น เฟสบุ๊ค, แอพพลิเคชั่นไลน์, เว็บไซต์ ซึ่งส่วน ใหญ่เป็นสินค้าที่ไม่มีคุณภาพหรือคุณภาพต่ำไม่ได้รับการรับรองหรือผ่านการทดสอบคุณภาพจากมาตรฐานจากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ก่อนที่จะนำมาจำหน่ายให้กับผู้บริโภค อันอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งทางกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ได้ตระหนักและเล็งเห็นความสำคัญของปัญหาดังกล่าว จึงได้ทำการขยายผลจากการที่มีการประกาศโฆษณาจำหน่าย ท่อไอเสียผ่านเฟสบุ๊ค “ท่อสูตรหนูลำลูกกา” และ “ท่อสูตรแดงสาย 4” ซึ่งจากการยึดอุปกรณ์และอะไหล่รถจักรยานยนต์ที่ผลิตออกมาภายใต้ชื่อ ท่อสูตรแดงสาย 4 ไปตรวจสอบนั้น ก็มีหลายรายการด้วยกันอาทิ เช่น ท่อไอเสียรถจักรยานยนต์, หม้อพัก ชิ้นส่วนทำปลายท่อ ชิ้นส่วนไส้กรอง อื่นๆ รวมแล้วกว่า 20,000 ชิ้น
ส่วนการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายฝ่าฝืนพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ.2511 ดังนี้ 1.ทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่มีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ต้องเป็นไปตามมาตรฐานโดยไม่ได้รับอนุญาต เข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรา 20 โทษตามมาตรา 48 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน ๒ ปี หรือปรับไม่เกิน 2,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 2.โฆษณาเพื่อจำหน่ายหรือมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำหรือนำเข้ามาเพื่อจำหน่ายในราชอาณาจักร เข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรา 36 โทษตามมาตรา 55 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้หากพี่น้องประชาชน พบเห็นการกระทำผิดหรือไม่เหมาะสมให้แจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน บก.ปคบ. 1135
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในส่วนของมูลค่าสิ่งของที่ยึดไว้เพื่อนำไปทำการตรวจสอบนั้น เบื้องต้นจากการสอบถามนางสาวแสงระวี (ขอสงวนนามสกุล) ผู้ดูแล ก็บอกว่าน่าจะไม่เกิน 5 ล้านบาท ส่วนการสั่งซื้อก็จะเน้นไปที่ลูกค้าทางสื่อโซเชียลมีเดีย ทั้งทางเฟสบุ๊ค ทางไลน์ และแอพพลิเคชั่นอื่นๆ
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้นำสิ่งของที่ทำการยึดทั้งหมดไปตรวจสอบและจะได้ทำการสอบปากคำผู้ดูแล อีกทั้งยังจะต้องมีการตรวจสอบเอกสารการประกอบกิจการ บัญชีทางการเงินและเส้นทางการจำหน่ายสินค้าว่ามีการส่งไปจำหน่ายที่ใดบ้าง แต่จากการตรวจสอบทางเฟสบุ๊คพบว่ามีการจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งก็จะต้องทำการตรวจสอบอย่างละเอียด ก่อนที่จะตั้งข้อกล่าวหาเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สุเมธ/ภาพ/ข่าว
