ขยะเป็นเหตุ

ปก ไทยยูเนี่ยน2

 

สี่แยกมหาชัย : ขยะเป็นเหตุ..ซอยไทยยูเนี่ยน

สำหรับท้องถิ่นที่มาแรงแซงทุกที่ในตอนนี้ คงหนีไม่พ้นองค์การบริหารส่วนตำบลท่าทราย ที่ลุกขึ้นเอาจริงเอาจังกับการจัดระเบียบบ้านเมือง ที่เรียกว่า “รุกหนักมาก” ทั้งเรื่องของขยะที่เคยเป็นปัญหาคาราคาซัง และเรื่องการตั้งวางสินค้าที่ลุกล้ำทั้งทางเท้า และถนนของบรรดาพ่อค้าแม่ขายในพื้นที่ หลายคนมองว่าการจัดระเบียบครั้งนี้อาจเป็นเพียงผักชีโรยหน้า แต่ผู้บริหารท่าทรายย้ำว่าทำจริงและจะทำอย่างต่อเนื่อง
นี่คือปัญหาเก่าๆที่เกิดขึ้นมานานในพื้นที่ตำบลท่าทรายและยังมีอยู่มาถึงปัจจุบัน กับเรื่องขยะมูลฝอยที่ล้นท่วม กองเกลื่อน จนกลายเป็นเรื่องร้องเรียนตามโลกโซเชี่ยลเมื่อไม่นานมานี้ และจุดนั้นก็คือ ซอยไทยยูเนี่ยน แหล่งชุมชนคนงานพม่าที่มีการคาดการว่าจะมีผู้อาศัยอยู่เป็นหลักหมื่นชีวิต และนี่ก็คือจุดเริ่มต้น ที่ทางองค์การบริหารส่วนตำบลท่าทราย โดยนายสิริบูรณ์ ทองบางเกาะ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าทราย บอกว่า จะไม่ปล่อยไว้แล้ว เพราะกระทบต่อภาพลักษณ์ของ ต.ท่าทรายมาก ทำให้ อบต.ท่าทรายถูกเข้าใจผิดคิดว่าละเลยหน้าที่

 

ประกอบ1

 

สาเหตุหลักของขยะกองโต ก็คือ คนเยอะ แต่ต้องบอกก่อนว่า ซอยนี้ถนนยังคงเป็นของเอกชน ไม่ได้ถูกยกเป็นสาธารณะ ส่วนตึกนั้นเป็นของบริษัทรายหนึ่งที่สร้างขึ้น และขายให้กับเอกชนหลายๆรายไปแล้ว โดยจดแจ้งเป็นอาคารพาณิชย์ มีทั้งหมด 233 คูหา ปัจจุบันอาคารพาณิชย์เหล่านั้นถูกลักลอบดัดแปลงให้เป็นห้องเช่า ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย โดยแต่ละตึกคาดว่าจะมีอย่างน้อย 16-25 ห้อง แต่ละห้องก็มีแรงงานต่างด้าวพักอาศัยประมาณ 3 คน หากคิดเป็นตัวเลขกลมๆออกมาก็น่าจะมีแรงงานราว 2 หมื่นคนในซอยนี้ ด้วยแรงงานข้ามชาติที่มาก ก็ส่งผลให้เกิดขยะมากไปตามกัน

 

ประกอบ4

 

เรื่องการบริหารจัดการขยะในซอยนี้ ที่ผ่านมา อบต.ท่าทรายได้มีการประสานไปยังเจ้าของตึกแล้ว ว่าจะนำถังขยะไปตั้งให้ ขยะจะได้มีที่รองรับ แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับ หรือจะเอาถังขยะขนาดใหญ่ ไปตั้งให้เป็นที่รวมขยะ ในซอยก็ไม่มีตึกไหนอยากให้ตั้งใกล้ สุดท้าย สองซอยนี้จึงมีถังขยะเพียงไม่กี่ใบ เมื่อเกิดขยะ คนทิ้งขยะก็ต้องเอามากองแบบนี้ อีกปัญหาหนึ่งคือการทิ้งขยะไม่เป็นเวลาของผู้อาศัย ซึ่ง อบต.ท่าทรายจะเข้ามาจัดเก็บทุกวันในเวลาตั้งแต่ 4ทุ่มไปจนถึงตี3 แต่หลังจากนั้นพบว่ายังมีการทิ้งขยะอยู่ จึงเกิดการกองสุมแบบที่เห็น ซึ่งถ้าจะนำรถขยะเข้าไปเก็บอีกครั้งในตอนกลางวันก็ไม่สะดวก เพราะสองซอยนี้มีความแคบและแออัดมาก ที่สำคัญในจำนวน 233 ตึก มีเพียง 45 ตึกเท่านั้นที่ยอมจ่ายค่าขยะ แต่ อบต.ท่าทรายก็ต้องจัดเก็บให้ทั้งหมด เพราะไม่สามารถปล่อยกองทิ้งไว้ได้ ซึ่งปริมาณขยะของทั้ง2 ซอยนี้ ก็มีมากถึงประมาณ 6 ตันต่อวัน

 

นายก3

 

เมื่อไม่นานมานี้องค์การบริหารส่วนตำบลท่าทรายได้มีการเชิญเจ้าของตึก และบริษัทไทยยูเนี่ยนในฐานะเป็นเป็นเจ้าของถนนทั้ง 2 ซอย มาร่วมพูดคุยเพื่อช่วยกันหาทางออกของเรื่องดังกล่าว โดยมีการส่งหนังสือเชิญเจ้าของตึกทั้ง 233คูหามาประชุมร่วมกัน แต่เจ้าของตึกที่ให้ความร่วมมือเพียง 26 รายเท่านั้น และในการประชุมวันนั้นดูเหมือนว่าจะหาบทสรุปยาก แต่เมื่อทางอบต.ท่าทรายงัดกฎหมายต่างๆขึ้นมา ก็ดูเหมือนว่าทุกคนจะเข้าใจ ซึ่งตอนนี้เรื่องขยะก็สรุปว่า จะใช้การใส่ถุงดำแล้วเก็บไว้ภายในห้องพักก่อน จากนั้นเมื่อถึงเวลาที่กำหนดก็จะนำออกมาวางให้เจ้าหน้าที่จัดเก็บ หลังจากนั้นจะไม่มีการนำขยะออกมาวางอีก  และขอความร่วมมือให้เจ้าของตึกที่ยังไม่จ่ายค่าขยะมาดำเนินการให้เรียบร้อย เพื่อไม่เป็นการเอาเปรียบผู้พักอาศัยรายอื่น

 

ปลัด1

 

ประกอบ3

 

ประกอบ2

 

พนักงานไทยยูเนี่ยน

 

เรื่องของขยะก็พอจะมีทางออกขึ้นมาบ้างแล้ว แต่อีกหนึ่งเรื่องที่สืบเนื่องกันมาก็คือเรื่อง ของตึกต่างๆที่อยู่ในซอยนี้ ซึ่งเป็นตึกที่ถูกดัดแปลงให้เป็นห้องเช่าทั้งหมด นับว่าเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย โดยจากตัวเลขคร่าวๆในการคิดคำนวนของเจ้าหน้าที่ก็คือ 233 ตึก คูณจำนวนห้อง 25 ห้องในแต่ละตึก คูณด้วยจำนวนคนที่จะอาศัยอยู่ในห้องแต่ละห้อง 3 คน/ห้อง จะได้ตัวเลขผู้พักอาศัยแบบคร่าวๆจำนวน 17,475คน ซึ่งดูแล้วว่ามีความแออัดหนาแน่นแน่นอน ระหว่างอาคารพาณิชย์233คูหา กับจำนวนคนอยู่อาศัย 17,475คน เพราะหลักการนั้น ในพื้นที่ 3 ตารางเมตรให้มีผู้อาศัยเพียง 1 คนเท่านั้น และการทำเป็นห้องเช่าหอพักก็ต้องมีรายละเอียดเรื่องเนื้อที่ ทางหนีไฟ ทางเดิน บันได ที่ติดตั้งถังดับเพลิง เพื่อความปลอดภัย ซึ่งการเอาอาคารพาณิชย์มาดัดแปลงเป็นหอพักมีความเสี่ยงมาก เพราะหากเกิดเหตุร้ายอย่างเช่นไฟไหม้ รับรองว่าคนในชุมชนจะหาทางหนีทีไล่กันไม่ได้แน่นอน และตัวโครงสร้างตึกนั้นก็ถูกสร้างมานานมาก อาจเกิดความชำรุดทรุดโทรมได้ ดังนั้นในเรื่องนี้ ทาง อบต.ท่าทราย ได้ให้เจ้าของตึกนำเอกสารหลักฐานการสร้างมาให้ตรวจสอบ ซึ่งหากใครหาไม่ได้ ต้องให้เจ้าหน้าที่เข้าไปสำรวจให้ ส่วนเรื่องดัดแปลงนั้น ก็ต้องให้ทางเจ้าของตึกยื่นขอการดัดแปลง และรอการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ว่า สามารถดัดแปลงอาคารได้หรือไม่

 

ปลัด2

 

มาต่อกันอีกหนึ่งเรื่องที่ อบต.ท่าทรายจัดหนักในช่วงเดียวกันก็คือ เรื่องการจัดระเบียบทางเดินเท้า ตามจุดต่างๆเริ่มจาก ซอยคลองครุ-ศรีเมือง ที่เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน และเข้มข้นมาเรื่อยๆ มีการจัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่กันแบบไม่เว้นระยะ แม้กระทั่งวันหยุด เพราะคิดว่าถ้าทำไม่ต่อเนื่อง งานนี้ไม่สำเร็จแน่นอน และการดำเนินการนั้น ทุกครั้งก่อนลงมือ ได้มีการประชาสัมพันธ์ผ่านเฟซบุ๊ก อบต.ท่าทรายล่วงหน้า เพื่อให้ผู้ที่ยังฝ่าฝืนเตรียมตัว รวมทั้งมีการไลฟ์สดการทำงานผ่านเฟซบุ๊กของ อบต.ด้วยทุกครั้ง เพื่อตอกย้ำการทำงานที่เข้มข้น สำหรับจุดแรกที่จัดระเบียบ เนื่องจากมีประชาชนได้ร้องเรียนเข้ามาว่าได้รับความเดือดร้อนจากการสัญจรไปมาบนถนนซอยคลองครุ-ศรีเมือง เพราะรถไม่สามารถสวนกันได้ เนื่องจากบรรดาพ่อค้าแม่ค้านำสิ่งของมาตั้งวางบนฟุตบาทและลุกล้ำลงมาบนถนนด้วย โดยจะเป็นปัญหาหนักสุดในช่วงเวลาเร่งด่วนคือเช้าและเย็น ทำให้รถรถแทบจะวิ่งเข้าออกไม่ได้เลย
จากการดำเนินการมาได้สักระยะ ภาพรวมถือว่าได้ผลในระดับหนึ่ง เพราะผู้ค้าขายส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือ แต่ยังมีบางรายเท่านั้นที่ฝ่าฝืน และได้มีการดำเนินการตามกฎหมายแล้วกับผู้ที่ไม่ปฏิบัติตาม จากการพูดคุยกับผู้สัญจรในซอยนี้หลังจากจัดระเบียบแล้ว บอกกันว่าในซอยโล่งขึ้น

 

ประกอบ5

 

นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าทราย บอกว่า การจัดระเบียบครั้งนี้หากใครไม่มีที่ขายของทาง อบต.ท่าทรายก็ได้เตรียมพื้นที่รองรับไว้ส่วนหนึ่งในบริเวณใกล้เคียง ที่จะเปิดให้เข้าไปขายได้ นอกจากนั้น ยังมีการจัดการกับเรื่องการจอดรถ ทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์โดยประสานกับตำรวจจราจร จะทำการตีเส้นพื้นที่จอด  รวมถึงการกำหนดเวลาในการจอด ว่าตรงไหนจอดได้  จอดไม่ได้ จอดได้เวลาไหน เพราะนอกจากร้านค้าที่ตั้งขวางเกะกะแล้ว ก็ยังมีรถที่จอดกินพื้นที่ผิวจราจร ทำให้เป็นปัญหากับรถที่จะขับเข้าออก และจะขยายไปปฏิบัติการ ณ จุดอื่น ทั้งวัดทอง ถนนเศรษฐกิจ และจะทำให้ครอบคลุมพื้นที่

 

นายก1

 

ท่าทรายนับว่าเป็นตำบลหนึ่งที่มีความแออัดหนาแน่นมาก และมีโรงงานอุตสาหกรรมเยอะ แรงงานข้ามชาติก็มากกว่าคนไทย ปัญหาที่เกิดขึ้นมองแล้ว ก็ดูเหมือนจะทำยาก แต่ดูแล้ว ก็ไม่ยากเกินความสามารถของพวกเขา  คำถามต่อมาที่หลายคนคิดก็คือ “หากท่าทรายทำได้ แล้วทำไมที่อื่นจะทำไม่ได้”