ข่าวท้องถิ่น

บรรยากาศในช่วงนี้ของทุกที่ก็เต็มไปด้วยความเศร้าโศก หลายสถานที่ทั้งภาครัฐและเอกชน ก็ได้มีการเตรียมสถานที่เพื่อถวายอาลัย โดยในช่วงเช้าของวันนี้ก็จะเห็นว่าหลายแห่งได้เริ่มมีการนำผ้าขาวดำมาผูก และจัดสถานที่เพื่อให้ผู้บริหาร พนักงาน ผู้มาติดต่อและประชาชนทั่วไป ร่วมถวายอาลัย โดยสถานที่ที่จัดนั้นจะให้อยู่ในส่วนหน้าของสถานที่หรือจุดประชาสัมพันธ์  โดยการจัดนั้นจะต้องจัดให้ถูกต้องตามหลักพระราชพิธี ซึ่งจะเห็นได้ว่าในหลายๆจุดก็จะมีการวางสมุดลงนามถวายอาลัย เพื่อให้ประชาชนไปร่วมลงนามถวายอาลัยด้วย อย่างเช่นที่ ห้องโถงชั้นล่าง ศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งประชาชนก็สามารถไปลงชื่อได้ในวันและเวลาราชการ   และประกาศจากสำนักพระราชวัง เรื่องการถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุยเดช

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่หมู่บ้านใต้ร่มพระบารมี ร.9 ในเขตเทศบาลเมืองกระทุ่มแบน อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ทางเทศบาลเมืองกระทุ่มแบนได้สร้างขึ้นเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระชนมายุ 80 พรรษา แล้วจัดมอบให้กับครอบครัวผู้พิการที่ยากจนไร้ที่พึ่ง โดยภายในรั้วกำแพงสีขาวของบ้าน มีบ้านปลูกเรียงรายกันอยู่ทั้งหมด 6 หลัง ในแต่หลังเป็นที่พักอาศัยของครอบครัวผู้พิการที่ยากจนไร้ที่พึ่ง หรือบางบ้านก็เป็นผู้ยากจนไม่มีบ้านเป็นของตนเอง ซึ่งหน้าบ้านแต่ละหลังนั้นจะมีแผ่นป้ายทำด้วยไม้อย่างสวยงาม แกะสลักเหมือนกันหมดคือ บรรทัดบนสุดเป็น ร.9

ที่วัดนาโคก ซึ่งตั้งแต่ช่วงเช้าก็มีชาวบ้านนำข้าวสารอาหารแห้งมารอเพื่อจะได้ใส่บาตรให้กับพระภิกษุสงฆ์ โดยมีพระครูสาครพิพัฒนโสภณ เจ้าอาวาสวัดนาโคก  เป็นผู้นำคณะสงฆ์ออกรับบิณฑบาตรรอบวิหารหลวงพ่อสัมฤทธิ์  ซึ่งในปีนี้มีชาวบ้านออกมาทำบุญกันมากกว่าปีก่อน และแตกต่างไปจากทุกปีคือปีนี้ทุกคนพร้อมใจกันสวมเสื้อผ้าชุดดำมาร่วมทำบุญเพื่อเป็นการถวายความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9   ส่วนของที่นำมาใส่บาตรอีกอย่างหนึ่งก็คือ ข้าวต้มมัด ซึ่งตามความเชื่อ ได้กล่าวว่าในสมัยพุทธกาล เมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จขึ้นไปแสดงธรรมโปรดพุทธมารดายังสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เป็นเวลา  3 เดือนเต็ม จนกระทั่งพระพุทธมารดาได้บรรลุพระอริยมรรค อริยผล เป็นพระอรหันต์ จึงเสด็จจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ลงมาสู่โลกมนุษย์ วันที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จลงมาสู่โลกมนุษย์นั้น

ที่วัดเทพนรรัตน์ ต.นาดี อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เหล่าบรรดาแรงงานข้ามชาติ สัญชาติเมียนมา ก็ได้มายืนเข้าแถวริมถนนเป็นแนวยาวกว่า 2 กิโลเมตร เพื่อรอทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งแด่พระภิกษุสงฆ์ของวัดเทพนรรัตน์ 49 รูป ซึ่งในขบวนนั้น ก็นำหน้าด้วยพระพุทธรูป จากนั้นเป็นพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  ตามด้วยคณะสงฆ์ทั้ง 49 รูป ซึ่งนอกจากจะมีแรงงานเมียนมาจำนวนกว่า 2,000

เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาทุกวัดก็ได้มีการจัดงานประเพณีตักบาตรเทโวโรหณะ เนื่องในเทศกาลออกพรรษา และนี่ก็คือบรรยากาศที่วัดโสภณารามหรือวัดบ้านขอม ซึ่งตั้งแต่เช้าก็มีชาวไทยที่แต่งกายด้วยชุดขาวดำมาร่วมทำบุญกันจำเป็นมาก จนแน่นลานวัด นอกจากนั้นแล้วที่นี่ก็ยังมีแรงงานต่างด้าวจำนวนหนึ่งเข้าร่วมทำบุญด้วย โดยแรงงานต่างด้าวจะสวมชุดประจำชาติของตนเองมาทำบุญ ซึ่งเมื่อได้เวลาประมาณ 7.45 น. พระครูสาครธรรมโสภณ เจ้าอาวาสวัดบ้านขอม ก็ได้นำพระภิกษุสงฆ์ออกรับบิณฑบาตข้าวสารอาหารแห้ง โดยพิธีการในปีนี้ก็เป็นไปอย่างเรียบง่าย นอกจากจะเป็นการทำบุญตามวัฒนธรรมประเพณีที่มีมาแต่โบราณแล้ว ก็ยังเป็นการร่วมทำบุญเพื่ออุทิศแด่องค์ในหลวงรัชกาลที่ 9 ด้วย   เอเชีย

ที่วัดใหม่หนองพะอง  อำเภอกระทุ่มแบน  จังหวัดสมุทรสาคร    ได้จัดงานพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช    ประจำปี ๒๕๕๙   โดยทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานผ้าพระกฐินให้พลโทสุชาติ  ผ่องพุฒิ  เจ้ากรมการทหารสื่อสาร  น้อมนำถวายพระสงฆ์  จำพรรษาถ้วนไตรมาส   พร้อมทั้งมีพระเทพสาครมุนี  เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาคร  เป็นประธานฝ่ายสงฆ์  และมีแขกผู้มีเกียรติ  รวมถึงเหล่าข้าราชการทหาร  และประชาชนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก  โดยพุทธศาสนิกชนทุกคนต่างพร้อมใจกันตั้งจิตอธิษฐาน 

    ที่วัดเจ็ดริ้ว ต.เจ็ดริ้ว อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ได้มีการจัดพิธีตักบาตรดอกไม้ – ล้างเท้าพระ เนื่องในวันออกพรรษา ซึ่งเป็นประเพณีดั้งเดิมของชาวไทยเชื้อสายรามัญในตำบลเจ็ดริ้วที่ได้ยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมาอย่างยาวนานกว่า 100 ปี โดยในปีนี้ชาวไทยเชื้อสายรามัญตำบลเจ็ดริ้ว ก็ได้ร่วมกันแต่งกายด้วยชุดโทนสีขาวดำ เพื่อแสดงออกถึงการร่วมกันถวายความอาลัยแด่ พระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  ซึ่งผู้เฒ่าผู้แก่ส่วนใหญ่จะใช้ผ้าพาดไหล่สีขาว ส่วนลูกหลานหนุ่มสาวก็จะใช้ผ้าพาดไหล่สีขาว

เมื่อเวลา 10.00 น. ของวันที่ 17 ตุลาคม 2559 นายมณฑล ไกรวัตนุสสรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร นำคณะผู้บริหาร สมาชิกสภา หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ลูกจ้างประจำ พนักงานจ้าง องค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร ร่วมพิธีลงนามถวายอาลัย หน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ

  ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 93/66 หมู่บ้านกานดา หมู่ที่ 3 ต.นาดี อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เพื่อพบกับนางสาวชลลดา พุ่มอิ่ม หรือ น้องน้ำขิง อายุ 16 ปี กำลังศึกษาอยู่ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนกาญจนานุเคราะห์ จังหวัดกาญจนบุรี

เมื่อเวลาประมาณ ๑๙.๐๐ น. ของค่ำคืนวันที่ ๑๔ ตุลาคมที่ผ่านมา  ที่วัดเจษฎาราม  พระอารามหลวง  ได้จัดพิธีบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรม-สดับปกรณ์  เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชในพระบรมโกศ  โดยมีพระเทพสาครมุนี  เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาคร  เจ้าอาวาสวัดเจษฎาราม  พระอารามหลวง  เป็นประธานฝ่ายสงฆ์  พร้อมทั้งมีเหล่าคณะสงฆ์ของวัดเจษฎารามร่วมสวดพระอภิธรรม  และมีนายแมนรัตน์  รัตนสุคนธ์  ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร  เป็นประธานในพิธีฝ่ายฆราวาส 

เพลงพระราชนิพนธ์ของพ่อ ที่ดังมาจากชายคนหนึ่งที่กำลังบรรเลงให้ผู้คนที่เดินอยู่ในตลาดมหาชัยได้ฟัง  หลายคนหยุดฟังอย่างตั้งใจด้วยแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความคิดถึง เพราะต่อจากนี้ไปเพลงนี้อาจไม่ได้ยินมาจากพ่อหลวงของเราอีกแล้ว ลุงสมศิริ สมประเสริฐ อายุ 66 ปี คนบางไผ่เตี้ย จังหวัดสมุทรสาคร ผู้ที่เป่าเม้าท์ออร์แกน เล่าให้ผู้สื่อข่าวมหาชัยเคเบิลทีวีฟังว่า ตนเองคุ้นเคยกับเครื่องดนตรีชนิดนี้มาตั้งแต่เด็ก เพราะพ่อเมื่อกลับจากราชการทหารเรือก็จะมานั่งป่าให้ฟัง ตนจึงเรียนรู้ไปกับพ่อ แต่ตอนเด็กๆยังไม่ได้สนใจจริงจัง เป่าได้แค่เพียงเพลงทั่วไป  ตนเองเคยพลาดฆ่าคนตายจนต้องโทษติดคุก และได้รับพระราชานอภัยโทษ

นายสุธิศภ์ สุนันตา หรือคุณอู๋ นักจัดรายการวิทยุของบริษัทมหาชัยเคเบิลทีวี ซึ่งเป็นหนึ่งในพสกนิกรชาวไทย ที่ได้มีโอกาสไปร่วมรอรับขบวนเสด็จพระบรมศพเมื่อช่วงบ่ายชองวันที่ 14 ตุลาคม ที่ผ่านมา คุณอู๋เล่าให้ฟังว่า ตนเองตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะต้องไปร่วมพิธีในครั้งนี้ให้ได้ เพราะที่ผ่านมา ตนเองอยากไปร่วมรับเสด็จ แต่ก็ไม่มีโอกาส  ซึ่งคิดว่า เอาไว้โอกาสต่อไปค่อยไป แต่ตอนนี้ไม่มีโอกาสครั้งต่อไปตามที่คิดอีกแล้ว แม้วันที่มีพิธีตนเองต้องทำงาน แต่ก็ขอลาหยุดครึ่งวัน เพราะอย่างไรก็ขอไปร่วมพิธีครั้งนี้ให้ได้