เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาคร เผยยังไม่ได้รับการติดต่อจากเจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท

เจ้าคณะจังหวัด เผย

จากกรณีที่ เจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ต.ท่าจีน อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร ตกเป็นหนึ่งในพระภิกษุสงฆ์ที่มีรายชื่อเส้นทางการโอนเงินให้กับสีกากอล์ฟ ตามที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น เมื่อเวลา 10.00 . ของวันที่ 11 กรกฎาคม 2568 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับพระราชวัชรสาครคณี เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาคร เจ้าอาวาสวัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร เพื่อสอบถามเกี่ยวกับข้อสั่งการภายหลังจากที่เกิดกรณีดังกล่าว

โดยทางพระเดชพระคุณท่านเจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาคร ก็กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวตนรับทราบเมื่อช่วงเย็นวานนี้ ซึ่งภายหลังที่เกิดกรณีตามที่ปรากฏหน้าสื่อ ก็ตั้งใจว่าภายหลังจากเทศกาลเข้าพรรษาผ่านพ้นไป ก็จะเรียกประชุมพระสังฆาธิการทั้งจังหวัด เพื่อหารือถึงกรณีที่เกิดขึ้น และวางแนวทางที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้น แม้ปัจจุบันนี้จะสั่งการให้ทุกวัดแสดงบัญชีรายรับรายจ่ายทุกๆ 2 เดือนแล้ว ส่วนความเคลื่อนไหวของเจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาทนั้น ตนไม่ทราบว่าขณะนี้ท่านไปอยู่ที่ใด เพราะไม่ได้รับการติดต่อจากท่านเลย มีเพียงบุคคลใกล้ชิดกับพระมหาทิวากร โทรศัพท์มาบอกเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง โดยบอกแค่ว่า เมื่อ 2 วันก่อนพระมหาฯ ท่านมีชื่อเกี่ยวโยงกับเส้นทางการเงินของสีกากอล์ฟ และได้ออกจากวัดใหญ่จอมปราสาทไปแล้ว แต่ไม่มีใครทราบว่าท่านไปพักที่ใด หรือไปกระทำกิจใด

ทั้งนี้มองว่า พระมหาทิวากรนั้น ท่านเป็นพระที่มีอัธยาศัยดี ช่วยเหลืองานของสงฆ์เป็นอย่างดีเสมอมา โดยเฉพาะด้านการประชาสัมพันธ์ ที่ท่านจะเป็นพระพิธีกรในงานพิธีการที่มีการประชุมพระสงฆ์ของจังหวัด ส่วนปัญหาส่วนตัวท่านนั้น เท่าที่พอทราบผ่านมานานกว่า 2 ปีแล้ว คือ ท่านเคยขอยืมเงินพระภิกษุสงฆ์ด้วยกัน จนทำให้มีผู้มาร้องขอให้กล่าวตักเตือนท่าน ซึ่งอาตมาก็ได้เรียกท่านมาพูดคุยตักเตือน จากนั้นก็ไม่มีปัญหาใดๆ อีกเลย กระทั่งมาทราบเรื่องเมื่อเย็นวานนี้

โดยปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นเกิดจากความหย่อนยาน หากทุกคนพึงรู้ในหน้าที่ของตนเอง พระสงฆ์รู้ในหน้าที่ของสงฆ์ที่พึงกระทำและไม่พึงกระทำ ฆราวาสพึงรู้หน้าที่ๆ พึงกระทำหรือไม่พึงกระทำ ก็จะไม่มีปัญหาเช่นนี้เกิดขึ้น ดังนั้นจึงอยากฝากเตือนทั้งคณะสงฆ์และผู้ที่อยู่ทางโลกทุกคนว่า จงมีสติในการกระทำทุกอย่าง พึงรู้หน้าที่ของตนเอง และที่สำคัญคือ การกระทำของคนบางคนอาจจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียของคนกลุ่มใหญ่ จึงต้องการให้ทุกท่านพึงตัดสินที่การกระทำของแต่ละคน อย่าเหมารวม ทุกคนต้องร่วมกันสืบทอดพระพุทธศาสนาให้คงอยู่สืบไป และต้องร่วมกันทำให้สังคมนี้เป็นสุขอย่างยั่งยืน แล้วสถาบันสำคัญชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จะพึงอยู่อย่างยั่งยืนตลอดไป

เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาครยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า หากพระมหาทิวากร เจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท เชื่อมั่นว่าตนเองนั้น ไม่ได้กระทำการอันเป็นปาราชิก ก็ขอให้กลับมาพิสูจน์กับความเป็นจริง สู้กับสิ่งที่เผชิญอยู่ในตอนนี้ กลับมาพิสูจน์เส้นทางการเงินให้สังคมได้รับทราบ

สุเมธ/ภาพ/ข่าว