ศาลฎีกาฯตัดสินให้นายก.อบต.บางกระเจ้า พ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากเจตนาไม่แสดงทรัพย์สิน

AD WEB CCTV 14-6-60

footer_master

เมื่อวันที่ 17 ม.ค.2561 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง  มีคำพิพากษาว่า นายสุรศักดิ์  เตชะนิธิสวัสดิ์ จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริง ที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีเข้ารับตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางกระเจ้า อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร

footer_master

ซึ่งข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า นายสุรศักดิ์ (และผู้คัดค้าน) ที่ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายก อบต.บางกระเจ้า (เมื่อ 13 พ.ย.2554) โดยแถลงนโยบายต่อสภา อบต.บางกระเจ้า เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.2554 และดำรงตำแหน่งอยู่จนถึงปัจจุบัน ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (ที่ 1/2557 ลงวันที่ 25 ธ.ค.2557) ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) กรณีเข้ารับตำแหน่ง  โดยไม่แสดงรายการบัญชีเงินฝากธนาคารของตน และคู่สมรส  ผู้ร้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้คัดค้านชี้แจงข้อเท็จจริงและเหตุผลของการไม่ดำเนินการให้ถูกต้องครบถ้วนแล้ว ผู้คัดค้าน ชี้แจงต่อผู้ร้องว่า หลงลืมและมีเงินฝากในธนาคารหลายบัญชี  โดยไม่มีเจตนาปกปิด        หรือซ่อนเร้นไม่ชี้แจงให้ผู้ร้องทราบ ศาลมีคำสั่งให้ผู้คัดค้านหยุดปฏิบัติหน้าที่เมื่อวันที่  11 ต.ค.2560

footer_master

ผู้คัดค้านยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีเข้ารับตำแหน่ง โดยระบุรายการบัญชีเงินฝากในธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เพียง 2 บัญชี แต่ไม่แสดงรายการบัญชีเงินฝากในธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ของผู้ร้องและคู่สมรสอีก 3 บัญชี ผู้ร้องแจ้งให้ผู้คัดค้านชี้แจงข้อเท็จจริงและเหตุผลของการไม่แสดงบัญชีเงินฝากธนาคารดังกล่าวในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินให้ถูกต้องครบถ้วนแล้ว ผู้คัดค้านชี้แจงว่าหลงลืม  ทั้งที่ตามรายการเดินบัญชีเงินฝากของผู้คัดค้านและคู่สมรสปรากฏรายการฝากและถอนเงินในบัญชีก่อนและหลังจากผู้คัดค้านยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง บ่งชี้ให้เชื่อได้ว่า ผู้คัดค้านทราบว่ามีบัญชี เงินฝากดังกล่าวอยู่ในเวลาที่ผู้คัดค้านมีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้อง

พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ผู้คัดค้านไม่ใส่ใจต่อการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องให้ถูกต้องครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า ผู้คัดค้านมีเจตนา ไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น ซึ่งการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินเป็นหน้าที่สำคัญของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ต้องปฏิบัติ อันเป็นมาตรการในการตรวจสอบทรัพย์สิน และหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อให้เกิดการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ

จึงฟังได้ว่า จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความ อันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีเข้ารับตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางกระเจ้า ผู้คัดค้านจึงต้องพ้นจากตำแหน่ง  นายก อบต.บางกระเจ้า ที่ดำรงอยู่ในปัจจุบัน และมีผลห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลา 5 ปี นับแต่วันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัย ตาม พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 34 วรรคหนึ่ง

นอกจากนี้การกระทำของผู้คัดค้านยังเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ  จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ  ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต   พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ด้วย

โดยพิพากษาว่า นายสุรศักดิ์ จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริง  ที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีเข้ารับตำแหน่ง นายก อบต.บางกระเจ้า ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32                  และมาตรา 33 ให้ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งนายก อบต.บางกระเจ้าที่ดำรงอยู่ ในวันที่ 17 ม.ค.2561 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัย และห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้า  ปีนับแต่วันที่ 17 ม.ค.2561 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาฯ วินิจฉัย ตามพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคหนึ่ง   ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรง ตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560มาตรา 17 วรรคสอง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 119 จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้คัดค้านให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา จึงมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78    คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท      ซึ่งปรากฏว่า ไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน  โทษจำคุก จึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1ปี

Cr.ภูธรออนไลน์